| ผู้เขียน | ทรรศวรรณ ทัพสุวรรณ |
|---|
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ปราบอาชญากรรมออนไลน์ว่าด้วยมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป
รัฐผลักดันเป็นกฎหมายเร่งด่วน เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากภัยการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติเผยสถิติปี 2565 รับแจ้งความ 210,000 คดี ความเสียหาย 31,000 ล้านบาท แนวโน้มเพิ่มขึ้น
ภายใต้การดำเนินการ พ.ร.ก. มีหน่วยงานเกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงาน กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ
เบื้องต้น พ.ร.ก. มีผลบังคับใช้พร้อมกับ 3 เรื่องต้องรู้ 1.หากประชาชนตกเป็นเหยื่อให้แจ้งธนาคารผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุ (ฮอตไลน์) เพื่อขอระงับการทำธุรกรรมชั่วคราว จากนั้นไปร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะธนาคารล็อกบัญชีได้ภายใน 72 ชั่วโมง โดยตำรวจจะแจ้งให้ธนาคารทราบเพื่อระงับธุรกรรมต่อได้
2.บทลงโทษ หากเปิดหรือยินยอมให้คนอื่นใช้เป็นบัญชีม้า หรือให้คนอื่นใช้/ยืมใช้ซิมโทรศัพท์ไปใช้ทางทุจริต ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงโฆษณามีการซื้อ/ขายบัญชีม้า/ซิมโทรศัพท์ ต้องรับโทษจำคุก 2-5 ปี ปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ ธนาคารแชร์ข้อมูลทุจริตระหว่างกัน ขจัดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ส่งข้อมูลให้ตำรวจดีเอสไอ ปปง. หรือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผู้กระทำผิดมารับบทลงโทษ
ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์/โทรคมนาคม เปิดเผย/แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน หรือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ จะลดจำนวนซิมม้าและป้องกันมิจฉาชีพมากขึ้น
พ.ร.ก. มีผลรวดเร็วสะท้อนว่ารัฐและหน่วยงานต่างๆ ไม่นิ่งนอนใจ พร้อมช่วยประชาชน ส่วนจะถอนรากถอนโคน “ฟาร์มม้า”ได้แค่ไหน รอพิสูจน์ผลกันต่อไป
