| ผู้เขียน | ภคพร บุญมี |
|---|
หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา เมื่อวันที่20 มีนาคมที่ผ่านมา ถือว่าไม่ผิดความคาดหมายและหลายฝ่ายโดยเฉพาะภาคเอกชน ที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ได้มีการเตรียมรับมือ และส่วนใหญ่เริ่มชะลอลงทุนใหม่ไว้ก่อนแล้ว เพื่อดูความชัดเจนของเกมการเมือง หน้าตา และนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ว่าเป็นอย่างไร
ปัจจุบันภาคเอกชนได้มองข้ามช็อตไปถึงนโยบาย และสิ่งที่ทีมรัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาบริหารประเทศ ส่วนเรื่องความกังวลเรื่องสุญญากาศทางการเมืองนั้น สภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) มองว่าเราเผชิญกับสถานการณ์นี้มาประมาณ 1 เดือนแล้ว ดังนั้นหน้าที่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และประเทศจะถูกโอนไปที่ข้าราชการประจำ ฉะนั้น ข้าราชการจะต้องไม่เกียร์ว่าง
ขณะเดียวกัน เอกชนได้มองข้ามช็อตไปถึงเรื่องการมาของรัฐบาลชุดใหม่ว่า การเลือกตั้งในสมัยนี้ แข่งกันด้วยนโยบาย ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่แข่งกันด้วยฐานเสียง ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตามองคือนโยบายของแต่ละพรรค ซึ่งมีอยู่ 2ประเด็นหลักๆ ที่เอกชนให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ 1.เรื่องอัตราค่าจ้าง และ 2.นโยบายเพิ่มเบี้ยคนชรา ที่มีโอกาสเป็นการผลักภาระให้ประชาชน และภาคเอกชน เป็นอย่างมาก
ด้านหอการค้าไทย อยากเห็นการฟอร์มทีมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และราบรื่น เพราะจะเกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณเพื่อแก้ไขและฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมไปถึงนโยบายและมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจปากท้องประชาชนของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งจะต้องเร่งนำมาใช้ทันที และจะช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ด้วย
หลังจากนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า การบริหารจัดการประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการจะเป็นไปอย่างราบรื่น หรือสุดท้ายจะต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามากอบกู้วิกฤตของประเทศ ต้องเฝ้าดูกันต่อไป
