ปตท.สปีดลงทุน 4 แสนล้าน ปีนี้ปิด 5 ดีลยักษ์หนุนธุรกิจใหม่ ดันรายได้เฉียด 3 ล้านล้าน

ปตท. สปีดลงทุน 4 แสนล้าน ปีนี้ปิด 5 ดีลยักษ์หนุนธุรกิจใหม่ ดันรายได้เฉียด 3 ล้านล้าน

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าภายใน 5 ปี(2566-2570) จะใช้งบลงทุนรวมกว่า 400,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทแล้ว จำนวน 100,227 ล้านบาท

โดยในปี 2566 ใช้เงินลงทุน 33,344 ล้านบาท และยังเตรียมงบสำหรับลงทุนในอนาคตอีกจำนวน 302,168 ล้านบาท เป็นการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ให้สอดคล้องกับนโยบายบริษัทที่เน้นธุรกิจพลังงานสะอาด ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมลงทุนอย่างน้อย 5 ดีลที่จะแล้วเสร็จในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ

นายอรรถพลกล่าวว่า ส่วนงบลงทุน 100,227 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ วงเงิน 36,322 ล้านบาท การลงทุนในบริษัทที่ปตท.ถือหุ้น 100% วงเงิน 32,773 ล้านบาท การลงทุนในธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ วงเงิน 18,988 ล้านบาท ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและสำนักงานใหญ่ วงเงิน 8,828 ล้านบาท และธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และปิโตรเลียมขั้นปลาย วงเงิน 3,316 ล้านบาท

ยังมีโครงการลงทุนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 และ 8 ท่อส่งก๊าซบางปะกง โรงไฟฟ้าพระนครใต้ ท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 การขยายการลงทุนของกลุ่มอินโนบิก เอเชีย การพัฒนาท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 และท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3

ADVERTISMENT

“ปี 2566 ปตท.คาดว่าจะมีรายได้ใกล้ 3 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว มีรายได้กว่า 3.67 ล้านล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกมีผลต่อรายได้ ดังนั้นเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะทำให้รายได้ในปีนี้ลดลง อย่างไรก็ตามในแง่ของบริษัทพยายามรักษาการทำกำไรไว้ ซึ่งปีที่แล้วมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.6% ”นายอรรถพลกล่าว

นายอรรถพลกล่าวว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจของปตท.ในปีนี้ปตท.สผ. จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ลดลง ซึ่งได้เตรียมขยายปริมาณการผลิตเข้ามาเพิ่ม ธุรกิจปิโตรเคมียังไม่ค่อยดี แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้วถือว่าดีขึ้น เพราะคาดหวังว่าเศรษฐกิจจีนเปิดประเทศ จะทำให้ดีมานด์น่าจะดีขึ้น แต่ยังอยู่ในทางที่อ่อนตัว

ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นในปีนี้ค่าการการกลั่นอยู่ในระดับที่ดีจากความกังวลภาวะสงครามลดลง ส่วนธุรกิจค้าปลีกน้ำมันของโออาร์ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังเปิดประเทศและเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.7%

นายอรรถพลกล่าวว่า ด้านธุรกิจใหม่ที่ได้เข้าไปลงทุนเริ่มทยอยให้ผลตอบแทนกลับมาให้ปตท. เช่น บริษัทอินโนบิคลงทุนในบริษัทโลตัสเมื่อปีที่ผ่านมาสร้างรายได้กลับมาแล้ว 600 ล้านบาท ส่วนธุรกิจไฟฟ้าปรับตัวดีขึ้นเพราะปีนี้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงลดลงและสถานการณ์การลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในอินเดียก็เป็นไปตามแผน

นอกจากนี้ยังร่วมกับประเทศซาอุดีอาระเบีย ศึกษาความเป็นไปได้รูปแบบการลงทุนผลิตและก่อสร้างไฮโดเจนในประเทศไทย คาดว่ากลางปีนี้จะได้ข้อสรุป ขณะเดียวกันปตท.ยังสนใจจะลงทุนท่าเรือและระบบโลจิสติกส์ในโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน หรือแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง