“สันติ” ดันแก้ 6 โจทย์ลดเหลื่อมล้ำเศรษฐกิจ จวก! รัฐนิ่งเฉยปล่อยราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุด
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานประชุมสามัญประจำปี 2566 โดย นายสันติ กีระนันทน์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวเสวนาเรื่องวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทย นั้น
นายสันติ กล่าวว่า เป้าหมายทางเศรษฐกิจสำหรับการบริหารเศรษฐกิจ เรื่องที่คิดถึงคือการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ แต่วันนี้ประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาเพียงแค่นั้น เพราะปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจปัจจุบันที่ต้องเร่งแก้ อีกทั้งต้องมุ่งไปสู่อุตสาหกรรมที่ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งการแก้ไขต้องไม่สามารถทิ้งอุตสาหกรรมใดได้เลย
โดยได้ชู 6 ประเด็นที่พรรคชาติไทยพัฒนาจะนำเสนอเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมที่ตอบโจทย์ธุรกิจ อาทิ 1.ต้นทุนพลังงาน เรื่องไฟฟ้า น้ำมัน แก๊ซ ที่อยู่ระดับสูง โดยโครงสร้างทั้งหมดผิด เช่น โครงสร้างราคาน้ำมันที่อ้างราคาโรงกลั่นสิงคโปร์ เพราะอดีตไทยมีโรงกลั่นน้ำมันเพียง 1-2 แห่ง ขณะนี้มี 6 โรงกลั่น แต่โครงสร้างไม่เปลี่ยน เมื่อโครงสร้างไม่เปลี่ยน จึงต้องมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
“โดยกลุ่มพลังงานที่นำตลาดน้ำมันรัฐถือหุ้น 51% ทำไมรัฐไม่ใช้ความเป็นเจ้าของในการบริหารจัดการต้นทุนราคาน้ำมัน หากต้องรอเพื่อทำนโยบายในรัฐใหม่ จึงมองว่ารัฐนิ่งเฉยเกินไป” นายสันติ กล่าว
2.เทคโนโลยีที่เพิ่มความสามารถในการผลิตในระดับอุตสาหกรรม สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่น่าเป็นห่วง แต่ผู้ประกอบการรายย่อยต้องทำให้เทคโนโลยีโดยรัฐที่มีองค์การเอกชนมากมายที่ทำเรื่องเทคโนโลยี และนวัตกรรมร่วมกัน ต้องนำผลงานวิจัยทางวิชาการออกสู่สาธารณะให้กับผู้ประกอบการนำไปใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
3.แรงงานที่เป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ขณะนี้ไทยมีการว่างงานต่ำ แต่ในอุตสาหกรรมขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะสูง ซึ่งการแก้ไขต้องมีการพัฒนาด้านการศึกษาของภาคอุตสาหกรรมแบะรัฐ ร่วมมือกันเพิ่มทักษะแรงงานให้ได้
4.ในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำจะไม่พูดถึง แต่จะพูดถึงค่าแรงงานเป้าหมายที่นายจ้างต้องจ่ายตามทักษะแรงงานที่สะท้อนความสามารถที่แท้จริง
5.ความรับผิดชอบต่อสังคมและสภาพแวดล้อม ปัจจุบันกำลังเป็นอุปสรรค เพราะมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยพรรคได้ตั้งนโยบายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านคาร์บอนเครดิตเพื่อการใช้นวัตกรรมที่จะนำไปสู่การตั้งศูนย์เอเชีย-แปซิฟิก คาร์บอนเครดิต
6.รัฐที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินการธุรกิจ โดยรัฐทำงานไม่สอดประสานกันกับภาคธุรกิจ ซึ่งความรุงรังของภาครัฐต้องถูกแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคลดลง เพื่อนำการตลาดในอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น
