ฮือฮา! สร้างบ้านเดี่ยวหลังละ 550 ล้าน ราคา ‘ที่ดิน’ ควรเป็นเท่าไหร่?

ฮือฮา! สร้างบ้านเดี่ยวหลังละ 550 ล้าน ราคา ‘ที่ดิน’ ควรเป็นเท่าไหร่?

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) เตรียมจะเปิดขายบ้านแบบแฟลกชิปภานในกลางปี 2566 นี้ ในราคาเริ่มต้น 550 ล้านบาทต่อหลัง ในย่านซีบีดี นำร่องที่สุขุมวิท 43 เนื้อที่ 2 ไร่ จำนวน 2 ยูนิต โดยเป็นบ้านสั่งสร้างโมเดลเดียวกับบ้านสันติบุรี ทำให้เป็นที่ฮือฮาในวงการอสังหาริมทรัพย์ จากกรณีดังกล่าว แล้วราคาที่ดินควรเป็นเท่าไหร่

อ่าน : ‘สิงห์เอสเตท’ เขย่าบ้านหรู ทุบสถิติ ‘แพงสุด’ หลังละ 550 ล้าน ย่านสุขุมวิท 43

ต่อเรื่องนี้ นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดเผยว่า การสร้างที่อยู่อาศัยราคาแพงในเขตใจกลางเมืองโดยปกติอาจจะไม่คุ้ม เนื่องจากเป็นการใช้ที่ดินที่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ควรสร้างเป็นโครงการอาคารชุดที่มีความหนาแน่นและได้สัดส่วนกำไรสูงกว่า แต่ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับรูปร่างของแปลงที่ดินและผังเมืองตลอดจนข้อกำหนดในการก่อสร้างอื่น ที่ทำให้มีการตัดสินใจสร้างเป็นบ้านเดี่ยว

Advertisement

นายโสภณกล่าวว่า ในกรณีนี้สมมุติบ้านหลังละ 550 ล้านบาท อาจมีต้นทุนค่าดำเนินการ ภาษี ดอกเบี้ย กำไรและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประมาณ 25% ทำให้ต้นทุนค่าที่ดินและอาคารเป็น 75% หรือ 412.5 ล้านบาท ในส่วนของอาคาร คาดว่าจะมีขนาดพอๆ กับบ้านสันติบุรีคือราว 1,400 ตารางเมตร ค่าก่อสร้างรวมสาธารณูปโภคคงเป็นเงินตารางเมตรละ 50,000 บาท เป็นเงิน 70 ล้านบาท

ดังนั้นที่ดินดิบที่นำมาก่อสร้างบ้านหรูจึงเป็นเงิน 342.5ล้านบาท หรือตารางวาละ 856,250 บาท  

นายโสภณกล่าวว่า อย่างไรก็ตามในซอยดังกล่าวมีประกาศขายที่ดินในราคาประมาณ 1 ล้านบาทต่อตารางวา โดยที่ดินในซอยสุขุมวิท 43 นี้ตั้งอยู่ในเขตผังเมือง ย.10 ซึ่งอนุญาตให้มีพื้นที่ก่อสร้างได้ถึง 8 เท่าของขนาดที่ดิน (Floor Area Ratio หรือ FAR) ที่ดินนี้ตั้งอยู่ในซอยขนาดกว้างไม่ถึง 10 เมตร จึงไม่สามารถสร้างอาคารได้มากนัก การก่อสร้างเป็นโครงการอาคารชุดก็คงมีข้อจำกัด ส่วนการก่อสร้างเป็นทาวน์เฮาส์ แม้น่าจะได้กำไรมากกว่าทำเป็นบ้านเดี่ยว แต่ก็คงอยู่ที่รูปร่างของที่ดิน

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ก็คงได้กำไรไม่มากกว่ากันอย่างมีนัยสำคัญนัก การลงทุนก่อสร้างเป็นบ้านเดี่ยวจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีในกรณีที่มีข้อจำกัดมากเช่นนี้

“ทั้งนี้หากที่ดินตั้งอยู่ในซอยที่มีขนาดใหญ่เกิน 10 เมตร และหากสามารถสร้างได้ถึง 8 เท่าของขนาดที่ดิน ควรสร้างได้ประมาณ 25,600 ตารางเมตร พื้นที่ขายได้คงเป็นราว 55% หรือ 14,080 ตารางเมตร โดยราคาขายประมาณการไว้ที่ 200,000 บาท หรือมูลค่าโครงการอยู่ที่ 2,816 ล้านบาท กำไรสุทธิคงอยู่ราวๆ 15% หรือ 422.4 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิของการสร้างบ้านเดี่ยวอาจเป็นเงินเพียง 165 ล้านบาทเท่านั้น” นายโสภณกล่าว

นายโสภณกล่าวว่า อย่างไรก็ตามผังเมืองใหม่ของกรุงเทพมหานคร  ควรเปิดโอกาสให้มีการสร้างอาคารสูงในเขตเมืองให้มีความหนาแน่นมากขึ้น ส่งเสริมให้คนอยู่ในเมืองมากกว่าที่จะผลักดันให้ประชาชนไปอยู่นอกเมือง ซึ่งเป็นการสร้างปัญหาในระยะยาว เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ทางด่วน ระบบขนส่งมวลชนก็ต้องขยายตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซ้ำยังเป็นการทำลายพื้นที่สีเขียวในเขตรอบนอกของเมืองอีกด้วย

“การตัดสินใจสร้างบ้านเดี่ยวในใจกลางเมืองเพื่อขายให้เป็นที่แฟลกชิปธงนำในการสร้างสรรค์การพัฒนาบ้านคุณภาพ จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสม” นายโสภณกล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image