สนามกอล์ฟ โลว์ซีซั่น แข่งดัมพ์ราคา เหลือรอบละ 500 บ. โอด ‘แคดดี้’ ขาดหนักมาก

ธุรกิจสนามกอล์ฟ เข้าสู่โลว์ซีซั่น เปิดสงครามดัมฟ์ราคา 30-50% ดึงคนไทยหวดวงสวิง เหลือรอบละ 500-1,000 บาท หลังต่างชาติหาย จีนยังไม่มา ด้าน MBK อวดภูเก็ตแน่นเอี๊ยด นายกสมาคมภาคตะวันออกโอดแคดดี้ขาดหนักมาก

วันที่ 6 เมษายน นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือMBK เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 เห็นการฟื้นตัวดีขึ้น โดยได้ปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาจำนวนมากหลังโควิดคลี่คลายและมีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีการฟื้นตัวตามไปด้วย ซึ่งธุรกิจโรงแรมมีอัตราเข้าพักกลับมาเท่ากับปีก่อนโควิด แต่ราคาค่าห้องพักยังไม่สูงมาก ธุรกิจสนามกอล์ฟมีปริมาณผู้มาใช้บริการเท่ากับปีก่อนมีโควิดแล้วเช่นกัน อย่างสนามกอล์ฟ 2 แห่งของเอ็มบีเคที่ภูเก็ตได้แก่ สนามล็อค ปาล์ม กอล์ฟ คลับและ เรด เมาเทิน กอล์ฟ คลับ มีลูกค้ากลุ่มยุโรปวอล์กอินเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก

นายวิจักษณ์กล่าวว่า ส่วนศูนย์การค้าคึกคักขึ้น ดูจากศูนย์การค้าเอ็มบีเค มีต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 25,000-30,000 คนต่อวันแม้ว่าลูกค้าชาวจีนยังไม่เข้ามาเต็มที่ก็ตาม ทั้งนี้แม้ทราฟฟิคจะเพิ่มแต่ในแง่รายได้ของศูนย์การค้ายังไม่กลับมาเท่ากับก่อนโควิด คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี อย่างไรก็ตามหากในครึ่งปีหลังนี้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามามากขึ้น คงจะทำให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้น

“ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะพัฒนาโครงการเดิม เร่งปิดการขายคอนโดมิเนียมควินน์ สุขุมวิท 101 รอดีมานด์จากลูกค้าจีนที่จะเข้ามา ขณะเดียวกันกำลังปรับโมเดลการขายใหม่ด้วย ส่วนการลงทุนใหม่มีลงทุนเพิ่มโครงการแนวราบที่ริเวอเดล ปทุมธานี เป็นบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่รอบสนามกอล์ฟ จำนวน 9 หลัง ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท”นายวิจักษณ์กล่าว

Advertisement

นายเกษมสุข จงมั่นคง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจสนามกอล์ฟMBK กล่าวเสริมว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลางมาใช้บริการสนามกอล์ฟที่ภูเก็ตเกือบเต็มทั้ง 2 สนาม แต่ราคายังสู้ก่อนโควิดไม่ได้ ส่วนสนามกอล์ฟที่ปทุมธานีจะเป็นคนไทยที่ใช้บริการ ขณะที่ต่างชาติมีญี่ปุ่น และเกาหลี ส่วนจีนยังไม่เข้ามา ทั้งนี้เนื่องจากช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงโลว์ซีชั่นทำให้ต่างชาติที่เข้ามาเล่นก่อนหน้านี้เริ่มทยอยกลับประเทศแล้ว จึงทำให้ผู้ประกอบการสนามกอล์ฟแข่งลดราคากันมากขึ้น เพื่อดึงลูกค้าในประเทศมาใช้บริการ

นายกุลธร มีสมมนต์ นายกสมาคมผู้บริหารสนามกอล์ฟภาคตะวันออก กล่าวว่า ภาคตะวันออกมีสนามกอล์ฟทั้งหมด 30 สนาม ขณะนี้สถิตินักกอล์ฟที่ใช้บริการกลับมาเท่ากับช่วงปี2562 แล้ว โดยทั้งปีสถิติอยู่ที่ 1 ล้านรอบ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึงมีนาคม 2566 มีนักกอล์ฟใช้บริการ 500,000 รอบ เป็นต่างชาติทั้งหมด สูงสุดจากประเึเกาหลี 25% จะเล่นทุกวัน ญี่ปุ่น 25% เล่นเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ส่วนที่เหลือเป็นต่างชาติทั่วไปจากยุโรป สแกนดิเนเวีย อังกฤษ สก็อตแลนด์ ไอซ์แลนด์ และต่างชาติที่ทำงานและอยู่อาศัยในเมืองไทย ส่วนจีนยังมีน้อย เพราะเพิ่งเปิดประเทศ โดยต่างชาติจะมีค่าใช้บริการเฉลี่ย 6,000 บาทต่อรอบ

“ส่วนช่วงโลว์ซีซั่นตั้งแต่เดือนเมษายนถึงตุลาคม2566 ผู้มาใช้บริการโดย 90% เป็นนักกอล์ฟคนไทย และ 10% เป็นต่างชาติทำงานในไทย ซึ่งปัจจุบันมีการแข่งขันลดราคา 30-50% เพื่อดึงดูดนักกอล์ฟกันคักคัก โดยเฉพาะสนามกอล์ฟในภูมิภาคที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว จากราคาเต็ม 1,000 บาทต่อรอบ(18 หลุม)เหลือ 500-600 บาทต่อรอบ ขณะที่สนามกอล์ฟโซนตะวันออกจากราคาเต็ม 2,000 บาทต่อรอบ เหลือ 1,000 บาทต่อรอบ”นายกุลธรกล่าว

Advertisement

นายกุลธรกล่าวว่า ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะรองรับนักกอล์ฟจากต่างประเทศที่จะเข้ามาช่วงไฮซีซั่นในเดือนพฤศจิกายน 2566ถึงมีนาคม 2567 โดยเฉพาะในส่วนของแรงงานที่ยังขาดอยู่ 15-20% ซึ่งแคดดี้ขาดมากที่สุด เพราะช่วงเกิดโควิดเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่น และยังไม่กลับเข้ามาสู่ระบบ แม้ว่าจะมีการปรับค่าจ้างเพิ่มจาก 150 บาทต่อรอบ เป็น 400 บาทต่อรอบแล้วก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image