อนุสรณ์ ยันดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นทำได้ ไม่เกิดปัญหาหากไม่กู้เงินเกินเพดาน
เมื่อวันที่ 9 เมษายน รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งจะมีแรงกดดันทางการคลัง และภาระทางการคลังเพิ่มขึ้น ขณะนี้ยอดหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมดอยู่ที่ 10.72 ล้านล้านบาท คิดเป็น 61.13% ของจีดีพี หนี้สาธารณะก้อนนี้ยังไม่รวมภาระผูกพันทางการคลังที่อาจเกิดขึ้นอีกจำนวนไม่น้อยจากโครงการต่างๆ ของรัฐบาล รวมทั้งความเสียหายทางการเงินจากการใช้มาตรการกึ่งการคลังผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ
จากข้อมูลล่าสุด พบว่า หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการรถไฟแห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้น 600 ล้านบาท องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเบิกจ่ายเงินกู้เพิ่ม 668 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 10,000 ล้านบาท เงินกู้ในประเทศเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐยังคงเพิ่มขึ้น 11,305 ล้านบาท หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ จากวิกฤตการณ์สถาบันการเงินปี 40 ยังทรงตัวอยู่ที่ 6.7 แสนล้านบาท สถานการณ์หนี้สาธารณะของไทยภาพรวมยังอยู่ในภาวะที่ต้องบริหารจัดการด้วยความระมัดระวัง
“หากรัฐบาลใหม่สามารถทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ระดับ 5-6% จะทำให้ความเสี่ยงฐานะการคลังลดลง กรณีการนำเสนอนโยบายโอนเงินผ่านดิจิทัล วอลเล็ต Digital Wallet จำนวน 5,000-10,000 บาท ให้ประชาชนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป เป็นระยะเวลา 6 เดือน ประมาณ 50 ล้านคนนั้น ถือเป็นนโยบายแจกเงินให้กับประชาชนโดยตรง แต่ได้ปิดจุดอ่อนของมาตรการแจกเงินที่เคยทำกันมา และบัตรสวัสดิการคนจน โดยการโอนเงิน หรือแจกเงิน เป็นมาตรการ Income Transfer ให้กับครอบครัวผู้มีรายได้น้อย หรือใช้บรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ”
รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า Digital Wallet ได้ออกแบบให้ใช้ Token หรือ Digital Coin ในชุมชนรัศมี 4 กม. ทำให้แก้ปัญหารับเงินโอนจากรัฐแล้วเอาไปซื้อสินค้าในเครือข่ายห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เม็ดเงินไม่กระจายมายังธุรกิจขนาดย่อมขนาดเล็ก การกำหนดรัศมีในการใช้ Token ทำให้ผลประโยชน์จากการใช้พุ่งตรงไปที่เครือข่ายร้านค้าชุมชน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และการจ้างงานสาธารณะได้ดีกว่า
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้แอพพลิเคชั่นในการหางานทำในชุมชน สามารถใช้แอพพลิเคชั่นในการค้นหาหลักสูตรฝึกอบรมต่างๆ เพื่อ Upskill Reskill และสร้างทักษะความสามารถใหม่ New skill ได้ ระบบดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่น ทำให้สามารถบริหารจัดการข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการกำหนดนโยบาย กำกับประสิทธิภาพ และประเมินผลนโยบายได้ดียิ่งขึ้น
รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวอีกว่า Digital Wallet อยู่บนฐานคิดการกำหนดนโยบายจากฐานเรื่องสิทธิของประชาชนอันเป็นการส่งเสริมค่านิยมประชาธิปไตย มากกว่าฐานคิดแบบสังคมสงเคราะห์ที่ส่งเสริมวัฒนธรรมอุปถัมภ์ ข้อควรระวังของนโยบายลักษณะโอนเงิน หรือแจกเงินไม่ว่าจะใช้ฐานคิดหรือวิธีการแบบไหน คือหากเศรษฐกิจไม่สามารถขยายตัวได้ตามเป้า ไม่สามารถจัดเก็บภาษีมาสนับสนุนได้มากพอ และต้องก่อหนี้อาจเกิดความเสี่ยงทางการคลังได้ เนื่องจากนโยบายดิจิทัลวอตเล็ตเป็นมาตรการที่ใช้เม็ดเงินงบประมาณสูงถึง 2.5-5 แสนล้านบาท มาตรการนี้ประสบความสำเร็จโดยมีเงื่อนไขว่า อัตราความโน้มเอียงในการบริโภคของครอบครัวที่มีรายได้น้อยอยู่ที่ประมาณ 0.7 และตัวทวีคูณทางการคลังอยู่ที่ 6 เท่า ก็จะทำให้มูลค่าจีดีพีเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านล้านบาท (กรณีโอนเงิน 5,000 บาท) และเพิ่มขึ้น 3 ล้านล้านบาท (กรณีโอนเงิน 10,000 บาท) ทำให้การตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจเติบโตเต็มศักยภาพที่ระดับ 5-6% มีความเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องพยายามเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT เพิ่มให้ได้อย่างน้อย 2 แสนล้านบาท และภาษีอื่นๆ อีกอย่างน้อย 5 หมื่นล้านบาท ทำให้การที่กู้เงินจำนวนมากๆ มาสนับสนุนโครงการลดลง การกำหนดระยะเวลาในการใช้ไว้ที่ 6 เดือน หรือ Digital coin จะหมดอายุใน 6 เดือน คาดหวังว่าจะไม่เกิดตลาดรอง และไม่ควรสร้างปัญหาซับซ้อนต่อการทำหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ในการควบคุมปริมาณเงิน การดูแลปริมาณเงินเป็นหน้าที่ของแบงก์ชาติผ่านนโยบายการเงิน หากมีการโอนเงินซ้ำซ้อนต้องนำเทคโนโลยี Blockchain มาช่วยจัดการ Digital Wallet ไม่ให้ซ้ำซ้อนกับบัตรสวัสดิการคนจนที่ให้ก่อนหน้านี้
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กล่าวต่อถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันล่าสุดว่า ราคาน้ำมันอาจทดสอบระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อีกครั้งหนึ่ง หลังโอเปคพลัสประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันอีก 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ประเทศนำเข้าน้ำมัน และพลังงานอย่างไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย ได้รับผลกระทบเศรษฐกิจ ไทยอาจขาดดุลการค้าต่อเนื่องและอัตราเงินเฟ้ออาจไม่ลดลงมากอย่างที่คาดการณ์ไว้เดิม
“สร้างแรงกดดันต่อนโยบายการเงินที่ต้องรักษาสมดุลระหว่างการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ควบคุมเงินเฟ้อตามเป้าหมาย และระบบเศรษฐกิจที่มีขีดจำกัดจากสัดส่วนหนี้สูง มาตรการเข้มงวดทางการเงินอาจส่งผลต่อการชะลอตัวการใช้จ่าย เพื่อการบริโภคและการลงทุนได้ เงินเฟ้อจากราคาน้ำมันแพงระลอกใหม่ บาทแข็งจากเงินทุนระยะสั้นไหลเข้าตลาดการเงินไทย เศรษฐกิจคู่ค้าชะลอ กระทบส่งออกไทย ส่อเค้าขยายตัวติดลบปีนี้” รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าว