กพท.เล็งแก้ตั๋วเครื่องบินแพง ควักช่วยไฟลต์เมืองรอง ชี้ศึกษาโมเดลอินเดีย ภาคธุรกิจห่วงแจก 1 หมื่น
เมื่อวันที่ 9 เมษายน นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงนโยบายแจกกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้คนไทยทุกคนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไปแบบให้ครั้งเดียว ระยะเวลาใช้เงิน 6 เดือน ของพรรคเพื่อไทยว่า น่าสนใจในช่วงภาวะเศรษฐกิจกำลังตกต่ำ เป็นคีย์เวิร์ดคือการปั๊มหัวใจเพื่อให้ชีพจรเศรษฐกิจฟื้นคืนชีพขึ้นมา อาจเรียกได้ว่าเป็นนโยบายมาถูกเวลา อย่างไรก็ตาม การแจกเงินดังกล่าวควรแจกให้คนยังมีรายได้ลำบาก ไม่จำเป็นต้องแจกทุกคน เพราะบางคนมีมากอยู่แล้ว เงิน 10,000 บาท อาจไม่มีความหมายสำหรับคนนั้น การให้อาหารต้องให้คนป่วยเพื่อทำให้แข็งแรง คนไม่ป่วยจะไปให้ทำไม ควรเลือกให้เฉพาะคนควรได้จริงๆ
ขณะที่ นายมงคล จุลทัศน์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ฤดูกาลเลือกตั้งมาพร้อมนโยบายของแต่ละพรรค ต่างขายฝันที่ยังไม่รู้ว่าจะทำให้เป็นจริงได้หรือไม่ หลายนโยบายสร้างความกังวลให้ผู้กำกับดูแลเศรษฐกิจของประเทศ หวั่นว่าจะสร้างความเข้าใจผิด และส่งเสริมประชาชนขาดวินัยทางการเงิน รวมทั้งทำให้การบริหารจัดการเศรษฐกิจข้างหน้าไม่ยั่งยืน นโยบายหาเสียงส่วนใหญ่เน้นนโยบายประชานิยมแบบให้เปล่า ไม่มีเงื่อนไข คาดว่าจะใช้งบประมาณภาครัฐสูง สร้างภาระการคลัง สร้างผลเสียระยะยาว
รายงานข่าวระบุอีกว่า ความต้องการเดินทางในเส้นทางบินที่มีสายการบินน้อยรายหรือรายเดียวบิน เนื่องจากตลาดของสนามบินบางแห่งยังไม่เป็นที่นิยม ความต้องการเดินทางต่ำ ทำให้สายการบินต้องกำหนดอัตราตั๋วโดยสารแพง เพื่อให้คุ้มทุน ยิ่งตั๋วแพงจำนวนผู้โดยสารก็ยิ่งน้อยลงไปตามกลไกตลาด กพท.จะศึกษาความเหมาะสมความเป็นไปได้ใช้นโยบายอุดหนุน สายการบินบินไปยังสนามบินไม่ใช่ตลาดหลัก อาทิ แหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง สนามบินยังไม่เป็นที่นิยม เป็นนโยบายใช้แพร่หลายทั่วโลกและประสบความสำเร็จ การเปิดประมูลให้สายการบินเข้าแข่งขัน เพื่อกำหนดราคาตั๋วโดยสารต่ำหรือจูงใจให้ผู้โดยสารใช้บริการ รัฐจ่ายเงินอุดหนุนส่วนต่างให้กับสายการบิน แม้ว่ารัฐบาลจะมีค่าใช้จ่าย แต่จะช่วยให้นโยบายส่งเสริมเมืองรองได้ผลเช่นเดียวกับประเทศอินเดียและหลายประเทศสำเร็จมาแล้ว บางช่วงสายการบินจำหน่ายตั๋วราคาถูก เกิดจากการแข่งขันสายการบินต้องทำราคาค่าตั๋วให้จูงใจ กระทบกับกลไกของราคาค่าตั๋วเครื่องบินปัจจุบัน กพท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างแก้ไขปัญหานี้
@เปิดผลศึกษาราคาตั๋วบิน
รายงานข่าวระบุอีกว่า สำหรับเพดานค่าโดยสารต่อเที่ยวกำหนดโดย กพท. เป็นราคาที่ศึกษามา อาทิ เส้นทางกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ระยะทาง 566 กิโลเมตร (กม.) สำหรับการให้บริการต้นทุนต่ำ (ไม่เกิน 9.40 บาทต่อ กม.) อยู่ที่ 4,549 บาทต่อเที่ยว การให้บริการเต็มรูปแบบ (ไม่เกิน 13 บาทต่อ กม.) อยู่ที่ 6,292 บาทต่อเที่ยว
กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 566 กม. สำหรับการให้บริการต้นทุนต่ำอยู่ที่ 5,320 บาทต่อเที่ยว การให้บริการเต็มรูปแบบอยู่ที่ 7,358 บาทต่อเที่ยว กรุงเทพฯ-เชียงราย ระยะทาง 675 กม. บริการต้นทุนต่ำอยู่ที่ 6,345 บาทต่อเที่ยว และการให้บริการแบบเต็มรูปแบบอยู่ที่ 8,775 บาทต่อเที่ยว กรุงเทพฯ-ภูเก็ต การให้บริการต้นทุนต่ำอยู่ที่ 6,561 บาทต่อเที่ยว การให้บริการเต็มรูปแบบอยู่ที่ 9,074 บาทต่อเที่ยว และเส้นทางกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ระยะทาง 773 กม. การให้บริการต้นทุนต่ำอยู่ที่ 7,266 บาทต่อเที่ยว การให้บริการเต็มรูปแบบอยู่ที่ 10,049 บาทต่อเที่ยว
