| ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ |
|---|---|
| ผู้เขียน | ศัลยา ประชาชาติ |
เรียบร้อยโรงเรียนไทยเบฟฯ ไปอีก 1 ธุรกิจ
การเข้าซื้อกิจการ “บิ๊กซี” ของ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของอาณาจักรเบียร์ช้างครั้งนี้ถูกมองว่าจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญต่อเกมค้าปลีกทั้งไทยและอาเซียน ด้วยวงเงินมหาศาลราว 1.24 แสนล้านบาท ผ่านบริษัท ทีซีซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อซื้อหุ้น 58.56%
และอาจเพิ่มเป็นกว่า 2 แสนล้าน ภายหลังการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ตามกฎตลาดหลักทรัพย์ฯ
นั่นเท่ากับว่าเป็นการซื้อขายกิจการค้าปลีกที่สูงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อกิจการศูนย์ค้าส่ง “แม็คโคร” เมื่อต้นปี 2556 ด้วยวงเงิน 1.88 แสนล้านบาท
กระนั้นก็ตาม สำหรับแวดวงธุรกิจ นอกจากความรวดเร็วในการปิดเกม การเทกโอเวอร์โดยกลุ่มเบียร์ช้างครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายมากนัก เพราะแทบทุก “บิ๊กดีล” ที่เกี่ยวกับค้าปลีกดูเหมือนต้องมีชื่อของกลุ่มทุน “เจ้าสัวเจริญ” ติดโผท้าชิงเข้ามาทุกครั้ง
สอดคล้องกับทิศทางการลงทุนที่ต้องการสยายอาณาจักรจากภาพผู้ผลิตเครื่องดื่ม-น้ำเมา มาสู่อาณาจักรค้าปลีก
โดยเฉพาะที่ผ่านมาความเคลื่อนไหวกลุ่มทุน “ทีซีซี กรุ๊ป” ของเจ้าสัวเจริญเร่งเครื่องและสาดกระสุนเม็ดเงินการลงทุนบุกธุรกิจ “ค้าปลีก” อย่างหนัก และล่าสุดกับการคว้าดีล “บิ๊กซี” ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามูลค่ากว่า 1.24 แสนล้านบาท
จากปัจจุบันบิ๊กซีมีสาขาในแบบไฮเปอร์มาร์เก็ต 125 สาขา (บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า และบิ๊กซี จัมโบ้) บิ๊กซี มาร์เก็ต 55 สาขา, มินิบิ๊กซี 394 สาขา และร้านขายยาเพรียว 146 สาขา รวมยอดขาย 119,627 ล้านบาท (คาดการณ์สิ้นปีบัญชี 2558) เป็นรองแค่เพียงเทสโก้ โลตัส เท่านั้น
โดยบิ๊กซีจะเข้ามาเสริมทีมกลุ่มค้าปลีก-ค้าส่งที่ “เจ้าสัวเจริญ” มีอยู่แล้วภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจ คือ TCC LAND บริหาร 5 ศูนย์การค้า 5 แบรนด์ ได้แก่ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, เกตเวย์, เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์, พันธุ์ทิพย์ และบ็อกซ์ สเปซ TCC ASSET ที่บริหารศูนย์การค้า เดอะสตรีท รัชดา รวมถึงยังมีที่ดินแปลงงามเพื่อรอการพัฒนาเบื้องต้นอีก 3 แห่ง คือ สวนลุม, สามย่าน และเทพประทาน
และกลุ่ม BJC ที่พัฒนาแบรนด์ค้าปลีก-ค้าส่ง “MM Market” เจาะทำเลเขตเศรษฐกิจชายแดน, เตรียมบริหารค้าส่ง “เมโทร” ที่เวียดนาม นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ ไทอัน และบีส์ มาร์ท และเอ็มพอยท์ มาร์ท สำหรับการลุยตลาดรีเทลต่างประเทศ
แหล่งข่าวใกล้ชิด นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ฉายภาพการเทหน้าตักทุ่มดีลยักษ์ครั้งนี้ว่าจะมาเติมเต็มการดำเนินธุรกิจทั้งในเมืองไทย และตลาดเออีซี โดยมีเวียดนามเป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะเท่ากับมีครบตั้งแต่ต้นน้ำ (สินค้า) กลางน้ำ (โลจิสติก-จัดจำหน่าย) และปลายน้ำ (ช่องทางค้าปลีก) ที่เข้าถึงผู้บริโภคทั้งประเทศ
“คนภายนอกอาจมองว่าแพง แต่แนวทางคุณเจริญจะมองว่านอกจากจะได้ธุรกิจที่มีโอกาสทางการตลาดสูง ตอบโจทย์กลยุทธ์การลงทุน ยังได้แลนด์แบงก์ที่ติดมาอีกเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญคือตอบโจทย์กลยุทธ์การลงทุนในระยะยาวที่วางเอาไว้”
ทั้งนี้ การคว้า “บิ๊กซี” ครั้งนี้จะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับกลุ่มเจ้าสัวเจริญ ทั้งในแง่ของการมีช่องทางขายสินค้าในเครือ และช่วยให้เกิดการประหยัดต้นทุนวางสินค้าในมือที่มีจำนวนมากและครอบคลุมทุกกลุ่ม
อาทิ กลุ่มไทยเบฟที่คุมสินค้าแอลกอฮอลล์, นอน-แอลกอฮอลล์ บีเจซีผลิตและขายสินค้าอุปโภคบริโภค หรือเอฟแอนด์เอ็น ที่ได้เข้าไปซื้อกิจการเมื่อหลายปีก่อน
“ต้องรอดูว่าต่อไปทีซีซีอาจทำธุรกิจเชิงรุกยิ่งขึ้นอย่างไร และทีมงานจะเป็นกลุ่มไหน ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าทีมงานค้าปลีกของกลุ่มคุณเจริญยังไม่แข็งแรงมากนักเมื่อเทียบกับรายอื่นๆ ที่มีประสบการณ์และอยู่ในธุรกิจนี้มานาน” แหล่งข่าวกล่าว
การซื้อกิจการบิ๊กซีที่เกิดขึ้น ไม่เพียงสร้างแรงกระเพื่อมเขย่าเจ้าตลาด “ซีพี-เทสโก้-เซ็นทรัล” ชิงค้าปลีก-ค้าส่งเมืองไทยที่มีมูลค่าตลาดกว่า 3.3 ล้านล้านบาทเท่านั้น แต่ยังเป็นสปริงบอร์ดที่ดันทัพสินค้าและอาณาจักรเจ้าสัวเจริญอย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ทั้งสินค้า-การกระจายสินค้า-และช่องทางขาย
โดยเฉพาะ “เวียดนาม” ที่แม้ตลาดยังไม่โตมากนักเมื่อเทียบกับค้าปลีกเมืองไทย แต่จะเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในอนาคต จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นอกจาก “บิ๊กซี” ประเทศไทยที่มีการซื้อขายเสร็จสิ้นไปแล้ว ยังมี “บิ๊กซี เวียดนาม” ที่กลุ่มคาสิโนได้ประกาศขายกิจการเช่นกันตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2558 และกลุ่มทุนค้าปลีกใหญ่ๆ ของไทยยังคงให้ความสนใจต่อเนื่อง รวมถึง “เจ้าสัวเจริญ” เองด้วย
เพราะเวียดนามเป็นตลาดมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับพฤติกรรมการจับจ่ายของคนเวียดนามและเศรษฐกิจที่ขยายตัว
นั่นทำให้ทิศทางธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเจ้าสัวเจริญนับจากนี้จะมีความเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงและดุเดือดมากขึ้น
โดย “บิ๊กซี” จะกลายเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญต่อเกมค้าปลีก ให้ “เจ้าสัวเจริญ” สยายอาณาจักรนับจากนี้ไป
ทั้งเมืองไทยและอาเซียน
