กฟผ.ลุ้น รบ.ใหม่ ชี้ชะตาโรงไฟฟ้าน้ำพอง สร้างทดแทน 650 เมก หรือ ปรับปรุง 1,200 ล.

กฟผ.ลุ้น รบ.ใหม่ ชี้ชะตาโรงไฟฟ้าน้ำพอง สร้างทดแทน หรือปรับปรุง หลังยืดแล้ว 9 ปี ก๊าซใกล้หมด

นายอลงกรณ์ พุ่มรักธรรม ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าน้ำพอง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์โรงไฟฟ้าพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ว่าปัจจุบันโรงไฟฟ้าน้ำพอง 710 เมกะวัตต์ เป็นโรงหลักจ่ายไฟให้ประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน รับก๊าซแหล่งน้ำพอง จ.ขอนแก่น และแหล่งสินภูฮ่อม จ.อุดรธานี แต่เนื่องจากอายุโรงไฟฟ้ามากถึง 34 ปี เพราะครบ 25 ปี และต่ออายุแล้ว 9 ปี ดังนั้น จึงมีแผนก่อสร้างตัวทดแทน 650 เมกะวัตต์ ตามแผนต้องเริ่มเดินเครื่อง หรือซีโอดี 1 มกราคม 2568 เสนอรัฐบาลแล้วแต่ยังไม่มีความชัดเจนจึงล่าช้าแล้ว 2 ปี เพราะต้องดำเนินการ 4-5 ปี ขณะนี้จึงต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลใหม่ว่าจะบรรจุเข้าแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ 2566-2580 หรือพีดีพี 2023 ฉบับใหม่หรือไม่

นายอลงกรณ์กล่าวว่า การบรรจุโรงไฟฟ้าน้ำพองทดแทน 650 เมกะวัตต์ ยอมรับว่ามีปัจจัยเสี่ยงจากปริมาณก๊าซ 2 แหล่ง จะหมดในปี 2574 ทำให้  กฟผ.เสนอให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ส่งก๊าซผ่านท่อจาก จ.นครราชสีมา มาช่วย ต้องสร้างท่อเพิ่ม เรื่องนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะพิจารณา อย่างไรก็ตาม หากโรงไฟฟ้าทดแทนไม่ถูกบรรจุในแผนพีดีพีฉบับใหม่ ทาง กฟผ.จะเสนอให้ปรับปรุงเพื่อยืดอายุโรงไฟฟ้าออกไปอีก 8 ปี ปลดระวางภายในปี 2574 ใช้งบประมาณ 1,200 ล้านบาท

นายอลงกรณ์กล่าวว่า เพื่อให้ไฟฟ้าในภาคอีสานมีความมั่นคง กฟผ.ได้เดินหน้าโครงการน้ำพอง กรีน เอ็นเนอร์ยี โมเดล ควบคู่กับแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าทดแทน หรือปรับปรุงโรงไฟฟ้า โดยโครงการนี้จะทำงาน 4 ส่วนหลัก คือใช้พลังงานจากโซลาร์ผลิตกรีนไฮโดรเจน, นำคาร์บอนที่กักเก็บไว้มาเปลี่ยนเป็นก๊าซมีเทนใช้หุงต้ม หรือเปลี่ยนเป็นน้ำมัน, นำก๊าซธรรมชาติที่เหลืออยู่น้อยหลังจากปี 2574 มาเข้า fuel cell จะได้พลังงานไฟฟ้าออกมาตามปริมาณก๊าซที่ป้อนเข้าไป กำลังการผลิตประมาณ 30 เมกะวัตต์ และการกักเก็บคาร์บอนในหลุมก๊าซแหล่งน้ำพองและแหล่งสินภูฮ่อม นอกจากนี้ ยังเดินหน้าโรงไฟฟ้าพลังงานขยะเคลื่อนที่รับซื้อขยะจากชุมชนเพิ่มรายได้ชุมชน เพิ่มความมั่นคงไฟฟ้า

Advertisement

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า เนื่องจากโรงไฟฟ้าน้ำพองทดแทน 650 เมกะวัตต์ ปริมาณก๊าซไม่เพียงพอ จึงคาดว่าจะปรับปรุงยืดอายุใช้งานไปถึงปี 2574 โดยรัฐบาลใหม่จะเป็นผู้ตัดสินใจเพื่อกำหนดในแผนพีดีพี 2023

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image