ภูเก็ตยุคเกิดใหม่หลังโควิด ‘อสังหา-รร.นานาชาติ’ ฮอตปรอทแตก ‘รัสเซีย’ หนีสงคราม ยึดหัวหาดอยู่ยาว กว้านซื้อคอนโด ที่ดินผุดพูลวิลล่าหรูกว่า 1 พันล้าน ขายแข่งผู้ประกอบการไทย ลุ้น ‘จีน’ ทะลักเข้าครึ่งปีหลัง
เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตได้รับความสนใจชาวรัสเซียเป็นจำนวนมาก ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวและกลุ่มนักลงทุนที่มองหาโอกาสทำธุรกิจ มาจาก 3 ปัจจัยที่สนับสนุน ได้แก่ ต้องการหนีหนาว หนีภาวะสงครามความขัดแย้งในประเทศและคนรุ่นใหม่ที่ต้องการย้ายออกนอกประเทศ มองหาประเทศใหม่อยู่อาศัยหรือต้องการส่งลูกมาศึกษาเล่าเรียน
ซึ่งภูเก็ตเป็นจังหวัดที่คนรัสเซียคุ้นเคยมานาน และจากปัจจัยเหล่านี้ทำให้คนรัสเซียตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก โดยกว้านซื้อคอนโดมิเนียมไว้อยู่อาศัยและซื้อที่ดินโดยร่วมลงทุนกับคนไทยพัฒนาโครงการพูลวิลล่าขาย ซึ่งเริ่มเห็นมากขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2566 มีนักลงทุน 3-4 กลุ่มให้บริษัทดำเนินการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 1,000-2,000 ล้านบาทหรือเฉลี่ย 300-400 ล้านบาทต่อกลุ่มทุน
นายณัฏฐากล่าวว่า แต่ละโครงการมีพื้นที่ 20-30 ไร่ ระดับราคา 17-35 ล้านบาท ส่วนใหญ่เข้าไปลงทุนทำเลโซนท่องเที่ยว เช่น หาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกมลา หาดบางเทา ลากูนา
นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากกรุงเทพฯแทบจะทุกรายเข้าไปซื้อที่ดินลงทุนพัฒนาโครงการใหม่กันมากขึ้นในขณะนี้ ทำให้ราคาที่ดินในบางพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 30% เช่น ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จาก 10 ล้านบาทต่อไร่ เป็น 14-15 ล้านบาทต่อไร่ อีกทั้งยังทำให้ธุรกิจโรงเรียนนานนาชาติที่ภูเก็ตกลับมาบูมมากขึ้น ปัจจุบันมีขยายลงทุนเพิ่มจากเดิมมี 2 แห่ง เป็น 5-6 แห่ง เช่น โรงเรียนยูดับเบิลยูซี โรงเรียนบีไอเอส โรงเรียนขจรเกียรติศึกษา
“คนรัสเซียซื้ออสังหาในภูเก็ต มี 2 กลุ่ม คือ คนมีเงินเยอะจะซื้อวิลล่า มีเงินไม่มากจะซื้อคอนโดฯ ส่วนใหญ่ซื้ออยู่อาศัยเอง ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตในปัจจุบันเป็นยุครีบอร์นหรือเกิดใหม่ หลังผ่านวิกฤตโควิดระบาด 3 ปี เพราะภูเก็ตเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว
และที่ผ่านมาเป็นยุคทองของธุรกิจต่างๆ เชื่อว่ากลุ่มรัสเซียยังเป็นตลาดใหญ่ของภูเก็ตอีก 2-3 ปี ขณะที่พัทยาและหัวหินก็เป็นแหล่งของคนรัสเซียนิยมอยู่อาศัยเช่นกัน แต่ยังไม่เท่ากับภูเก็ต ซึ่งปลายปีที่แล้ววิลลาในภูเก็ตจากทั้งหมด 4,375 ยูนิต ขายได้ 3,595 ยูนิต หรือคิดเป็น 82.1% ” นายณัฏฐากล่าว
นายณัฏฐากล่าวว่า สำหรับนักลงทุนจีน ต้องรอครึ่งปีหลังไปแล้ว เพราะแม้จีนจะเปิดประเทศแล้ว แต่ยังไม่เห็นลูกค้าจีนกลับเข้ามาซื้ออสังหาฯที่ภูเก็ตไม่มาก ปัจจุบันเข้ามาท่องเที่ยวเป็นหลักอยู่ที่ 30-40% เมื่อเทียบกับปีก่อนโควิด