เช้านี้บาทเปิดแข็งค่า ตลาดรอลุ้นตัวเลขศก.สหรัฐ-เฟดเคาะดอกเบี้ยรอบใหม่

เช้านี้บาทเปิดแข็งค่า ตลาดรอลุ้นตัวเลข ศก.สหรัฐ-เฟดเคาะดอกเบี้ยรอบใหม่

เมื่อวันที่ 25 เมษายน นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.38 บาทต่อเหรียญสหรัฐ มองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นตามการย่อตัวลงของเงินเหรียญสหรัฐและโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ อย่างไรก็ดี ในระหว่างวันนี้เงินบาทยังคงมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่

อาทิ โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเหรียญสหรัฐในช่วงปลายเดือนจากฝั่งผู้นำเข้า ทำให้โซนแนวรับของเงินบาทอาจยังคงอยู่ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน แถว 34.20-34.30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

Advertisement

นอกจากนี้ ควรรอจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ หลังล่าสุดนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในฝั่งบอนด์ระยะสั้น (ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นการเพิ่มสถานะ Long THB หรือมองเงินบาทแข็งค่าขึ้น ในจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าใกล้โซนแนวต้านแถว 34.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ)

นายพูนกล่าวว่า ส่วนในฝั่งหุ้นแรงขายเริ่มลดลงและหากตลาดเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นอาจหนุนให้นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นไทยได้บ้าง ทำให้โดยรวมค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบเดิม และอาจยังไม่อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 34.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ยกเว้นตลาดพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยงชัดเจน และ/หรือ เงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (ดัชนีเงินเหรียญสหรัฐ หรือ DXY แข็งค่าทะลุ 102.5 จุด)

“ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจากที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดสะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจ” นายพูนกล่าว

Advertisement

ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รับปรับสถานะถือครองเงินเหรียญสหรัฐที่ชัดเจน เพื่อรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ จีดีพีไตรมาสแรก รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ PCE และผู้เล่นบางส่วนก็อาจรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในวันศุกร์นี้

นายพูนกล่าวว่า สำหรับวันนี้ผู้เล่นในตลาดอาจให้ความสำคัญกับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะ บริษัทเทคฯใหญ่ในฝั่งสหรัฐอย่าง Microsoft และ Alphabet เป็นหลัก ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจในฝั่งสหรัฐจะมีดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย Conference Board

รวมถึงดัชนีภาคการผลิตโดยเฟดสาขาริชมอนด์ ซึ่งมีโอกาสที่ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอาจสะท้อนภาพการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะในฝั่งภาคการผลิต ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็อาจลดลงบ้าง หลังตลาดแรงงานสหรัฐก็เริ่มชะลอตัวลงมากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image