สกนช. จับตาผลประชุมเฟด 2-3 พ.ค. ก่อนเคาะราคาดีเซล ชี้กองทุนน้ำมันติดลบเหลือ 8.5 หมื่นล้าน ครม.อนุมัติกู้เพิ่ม 1.5 แสนล้าน
เมื่อวันที่ 26 เมษายน นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) แถลงผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565-มีนาคม 2566) ว่า สำหรับแนวโน้มการลดราคาน้ำมันดีเซลครั้งที่ 5 ในปีนี้ นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลก อีกทั้งต้องรอสถานการณ์จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการประชุมวันที่ 2-3 พฤษภาคม
หากปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นราว 0.25% จะทำให้สถานการณ์จะเปลี่ยน เพราะตลาดกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย และลดการใช้น้ำมันลงทำให้ราคาน้ำมันลง ขณะเดียวกัน ปัจจัยโอเปคพลัส (Opec+) ลดกำลังการผลิตในเดือนพฤษภาคมนี้ และจีนมีเศรษฐกิจเติบโตเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ และความขัดแย้งจากกลุ่มประเทศที่สนับสนุนของฝ่ายรัสเซีย-ยูเครนที่ล้วนมีผลต่อระดับราคาน้ำมันเช่นกัน
ณ วันที่ 26 เมษายน มีการเก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันฯ 5.74 บาทต่อลิตร หากถามว่าลดราคาดีเซลลงได้ไหมก็สามารถลดลงได้ แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคามีความผันผวนสูง จึงต้องรอดูสถานการณ์ โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญในช่วงการประชุมเฟด จะทำให้ราคาน้ำมันไปในทิศทางใด จึงติดตามใกล้ชิดเพื่อบริหาร เพราะกองทุนฯมีภาระหนี้ ขณะเดียวกันต้องดูแลค่าครองชีพประชาชน
“ดังนั้น หลังจากรับรู้ผลประชุม บอร์ด สกนช.จะพิจารณาราคาน้ำมันในไทย ทั้งนี้ จากที่ สกนช.ลดราคาน้ำมันที่ผ่านมา 4 ครั้ง และจากการติดตามสถานการณ์ โดยสมาคมขนส่งระบุว่า หากลดราคาน้ำมันลง 2 บาท จะลดราคาค่าขนส่งลง 0.30 สตางค์ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด” นายวิศักดิ์
นายวิศักดิ์กล่าวว่า ขณะเดียวกัน สถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ดี หลังจากในช่วงต้นปีงบประมาณ ฐานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเคยติดลบสูงสุดเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ 130,671 ล้านบาท ได้ทยอยปรับลดลงมา โดยในเดือนมีนาคม 2566 ติดลบเหลือ 94,471 ล้านบาท และล่าสุด 23 เมษายน 2566 ติดลบเหลือ 85,586 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2566 กองทุนน้ำมันติดลบเหลือ 85,586 ล้านบาท พร้อมดำเนินการปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลลง 4 ครั้ง ครั้งละ 0.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจาก 34.94 บาทต่อลิตร เป็น 32.94 บาทต่อลิตรหรือประมาณ 33 บาทต่อลิตร
นายวิศักดิ์กล่าวว่า ด้านความคืบหน้าของการกู้ยืมเงินเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน นั้น สกนช.ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในการกู้ยืมเป็นจำนวน 150,000 ล้านบาท โดยบรรจุเป็นหนี้สาธารณะของประเทศไปแล้ว 110,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน สกนช.กู้ยืมไปแล้ว 30,000 ล้านบาท และในเดือนพฤศจิกายน 2565 และเมษายน 2566 จะกู้ยืมเงินเพิ่มอีก 20,000 ล้านบาท ขณะนี้เงินเริ่มเข้ามาในระบบแล้ว และในเดือนพฤษภาคม 2566 เตรียมกู้อีก 20,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องกองทุนฯต่อไป โดยธนาคารให้กู้คือธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสิน
