กฟผ.แจงต้นทุนผลิตไฟต้นปี เลือกดีเซลราคาถูกกว่าสปอต แอลเอ็นจี แต่สัดส่วนแค่ 7%

กฟผ.แจงต้นทุนผลิตไฟต้นปี เลือกดีเซลราคาถูกกว่าสปอต แอลเอ็นจี แต่สัดส่วนแค่ 7%

นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงต้นทุนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้างวดแรกของปีนี้(มกราคม-เมษายน2566) ว่า กฟผ. ใช้หลักการบริหารจัดการเดินเครื่องเพื่อผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนเชื้อเพลิงราคาต่ำที่สุดก่อน จนถึงเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนสูงขึ้นตามลำดับ โดยเงื่อนไขการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้า กฟผ. ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ สำหรับค่าไฟฟ้างวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 กฟผ. ได้สั่งการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าทั้งของ กฟผ. และเอกชน โดยพิจารณาจากต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำที่สุด ที่มีราคาซื้อไฟฟ้าตั้งแต่ 2 บาทต่อหน่วย ไปจนถึง 9.85 บาทต่อหน่วย ซึ่งปริมาณการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนในราคา 6.11 – 9.85 บาทต่อหน่วย มีปริมาณน้อยมาก คิดเป็น 7% เท่านั้น เมื่อนำมาเฉลี่ยกับโรงไฟฟ้าอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่าแล้ว จึงทำให้ค่าไฟฟ้างวดเดือน มกราคม – เมษายน 2566 อยู่ที่ราคา 4.72 บาทต่อหน่วย

นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า การซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนในราคา 6.11 – 9.85 บาทต่อหน่วย เป็นการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันดีเซล ซึ่งมีราคาถูกกว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซธรรมชาติเหลวตลาดจร หรือ สปอต แอลเอ็นจี ที่ราคา 7.91 – 11.36 บาทต่อหน่วย ดังนั้นคณะอนุกรรมการบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน จึงได้พิจารณาให้เดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยน้ำมันดีเซล แทนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงนำเข้าสปอตแอลเอ็นจี อย่างไรก็ตามหากเทียบกับช่วงสถานการณ์พลังงานปกติ อ้างอิงจากค่าไฟฟ้างวดเดือนมกราคม-เมษายน 2564 ค่าซื้อไฟฟ้าเฉลี่ยจาก 5 โรงไฟฟ้านี้ จะเท่ากับ 2.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image