ส่อวุ่น!! กกพ. ส่งหนังสือถึง ปตท. ทวงค่าปรับก๊าซ 4.3 พัน ล. หลังเชฟรอนผลิตไม่ได้ตามแผน 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตั้งแต่กลางปี’64 เพื่อคืนประชาชนในฐานะผู้ใช้ก๊าซ
แหล่งข่าวจาก คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กกพ.ได้ออกคำสั่งถึง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้คืนเงินส่วนเกินรายได้จำนวน 4,300 ล้านบาท จากการขาดส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2565 หรือเรียกว่า เงิน shortfall ของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ที่ไม่สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติแหล่งเอราวัณ หรือแปลง G1/61 ได้ถึง 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามสัญญาที่กำหนดสิ้นสุดเมษายน 2565 โดย กกพ.ต้องการนำเงินดังกล่าวมาคืนในให้ประชาชนในฐานะผู้ใช้ก๊าซ เพื่อใช้ในการดูแลต้นทุนค่าไฟต่อไป คาดว่าหนังสือจาก กกพ.จะถึง ปตท.ช่วงวันที่ 2-3 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากติดวันหยุด หลังจากนี้ต้องดูคำตอบจาก ปตท.ว่าจะตอบรับหรือดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร
“ประเด็นปริมาณในอ่าวไทยที่ลดลงจนกระทบต่อปริมาณเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าจนต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจี มาทดแทน คือประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อต้นทุนค่าไฟ ที่เริ่มเห็นสัญญาณตั้งแต่ปลายปี 2564 ขณะนั้นปริมาณก๊าซจากแหล่งเอราวัณลดต่ำมากแบบหัวทิ่ม ทราบมาว่าเชฟรอนฯเลือกจ่ายเงิน shortfall ให้ ปตท.เพราะไม่สามารถผลิตก๊าซได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และขณะนั้นเตรียมส่งมอบพื้นที่ให้บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ผู้ชนะประมูลรายใหม่ ดังนั้น ปตท.ต้องนำเงิน 4,300 ล้านบาท มาคืน กกพ.” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ในช่วงการทำมาตรการส่วนลดค่าไฟสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน หรือกลุ่มเปราะบาง จำนวนกว่า 18 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 80% ของประเทศช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2566 งบประมาณช่วยเหลือประมาณ 7,500 ล้านบาท ระยะเวลา 4 เดือน (มกราคม-เมษายน 2566) แบ่งเป็น งบกลาง 2566 วงเงิน 3,200 ล้านบาทและบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 4,300 ล้านบาทนั้น โดยวงเงิน ปตท.เป็นก้อนเดียวกับเงิน shortfall ของเชฟรอนฯ ซึ่ง กกพ.เห็นว่าไม่สามารถนำมาช่วยค่าไฟกลุ่มเปราะบางได้ หากจะใช้ได้ต้องเป็นการช่วยเหลือประชาชนทั้งประเทศ กกพ.จึงทำหนังสือทวง ปตท.ครั้งนี้เพื่อนำมาดูแลค่าไฟในภาพรวม
