กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขาย 33.85-34.60 คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขาย 33.85-34.60 คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.85-34.60 บาทต่อเหรียญสหรัฐเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.11 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หลังซื้อขายในช่วง 34.06-34.52 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

โดยเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าเทียบกับเงินยูโรและเงินปอนด์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ดี ตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐต่ำกว่าคาดแต่มาตรวัดเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง

ทางด้านเงินเยนร่วงลงอย่างรุนแรงหลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษต่อไป โดยบีโอเจคงเป้าหมายดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภท 10 ปีไว้ที่ราว 0% โดยเปิดโอกาสให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร เคลื่อนไหวภายในกรอบ -0.5% ถึง 0.5% ตามเดิม

Advertisement

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 3,956 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 5,404 ล้านบาท โดยในเดือนเมษายน เงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.2% ขณะที่สกุลเงินภูมิภาคปรับตัวกระจัดกระจาย

นางสาวรุ่ง กล่าวว่า สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ เหตุการณ์สำคัญอยู่ที่การประชุมเฟดวันที่ 2-3 พฤษภาคม ซึ่งคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% และจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของวัฎจักรท่ามกลางความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของภาคธนาคารแม้อัตราเงินเฟ้อยังลดลงช้าก็ตาม

โดยนักลงทุนจะให้ความสนใจกับการสื่อสารของเฟดเกี่ยวกับทิศทางนโยบายในระยะถัดไป นอกจากนี้ ยังมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) วันที่ 4 พฤษภาคม ซึ่งคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และยังคงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกสักพักหนึ่ง รวมถึงข้อมูลการจ้างงานเดือนเมษายน ของสหรัฐ ซึ่งอยู่ในความสนใจของตลาดเช่นกัน

Advertisement

ทั้งนี้ ตลาดการเงินในประเทศเปิดทำการเพียง 2 วันในสัปดาห์นี้ โดยผลการประชุมธนาคารกลางและตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญต่างๆ จะส่งผลให้ตลาดโลกมีแนวโน้มผันผวนสูงช่วงคาบเกี่ยววันหยุดของไทย

สำหรับปัจจัยในประเทศ นักลงทุนจะติดตามข้อมูลเงินเฟ้อเดือนเมษายนของไทยคาดว่าจะชะลอลงต่อเนื่อง ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมีนาคม เกินดุลสูงสุดรอบ 37 เดือนที่ 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากมูลค่าการส่งออกหดตัวน้อยกว่าคาด ส่วนเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนเดือนมีนาคม ทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า

“แต่เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนลดลง โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นว่าระยะข้างหน้าต้องติดตามเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น รวมถึงการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการที่อาจเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ”นางสาวรุ่ง กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image