“ชัยวุฒิ” เผย สถิติหลังใช้ พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมไซเบอร์ คดีลดลงไป 129 คดีต่อวัน อายัดได้เพิ่มเป็น 20% มั่นใจ ช่วยแก้ไข และลดปัญหาโกงออนไลน์ได้จริง
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2566 เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ว่า พบว่าหลังจากมี พ.ร.ก. ก็มีการยกเลิกปิดบัญชีม้า และการร้องเรียนเกี่ยวกับคดีออนไลน์ลดลง
นายชัยวุฒิกล่าวว่า โดยเมื่อเทียบสถิติคดีออนไลน์ ก่อน พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมไซเบอร์ เฉลี่ย 790 เรื่องต่อวัน ส่วนหลังมี พ.ร.ก.หลัง เฉลี่ย 661 เรื่องต่อวัน หรือคดีลดลงเฉลี่ย 129 เรื่องต่อวัน ขณะที่สถิติการอายัดบัญชี ก่อนมี พ.ร.ก.มีการขออายัด 6.9 พันล้านบาท อายัดทัน 449 ล้านบาท คิดเป็น 6.5% ส่วนหลังมี พ.ร.ก. มีการขออายัด 527 พันล้านบาท อายัดทัน 97 ล้านบาท คิดเป็นอายัดได้ทัน 20% หรือสามารถอายัดได้ทันเพิ่มขึ้น 13.5%
“เชื่อว่ากระบวนการยังไม่ถึงที่สุด ต้องมีการปรับปรุงการทำงานระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. กระทรวงดีอีเอส และที่สำคัญคือ ธนาคารแห่งประเทศไทยสมาคมธนาคารไทย รวมถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และผู้ให้บริการทางโทรศัพท์มือถือ และอินเตอร์เน็ตทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนงานปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อดูแลคดีทางออนไลน์ให้เท่าทันมากขึ้น โดยมี พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เป็นประธานอนุกรรมการ” นายชัยวุฒิกล่าว
นายชัยวุฒิกล่าวว่า หลักการสำคัญคือ การพยายามระงับบัญชีที่ถูกใช้ในการรับโอนเงินที่หลอกลวงมาจากประชาชนให้เร็วที่สุด ตามนำเงินมาคืนให้ได้ และปิดบัญชีเหล่านี้เพื่อไม่ให้ไปทำร้าย หรือหลอกลวงประชาชนคนอื่นต่อไป รวมถึงการใช้ซิมโทรศัพท์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนอย่างถูกต้อง ก็จะเป็นเรื่องจริงจังมากขึ้น โดยใครที่นำซิมไปขาย และไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันตัวตนที่ถูกต้อง ถือว่ามีความผิด ดังนั้นขอเตือนว่าผู้ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการขายซิม ต้องไปทำการยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย
นายชัยวุฒิกล่าวว่า โดยผู้เป็นธุระจัดหาหรือโฆษณาบัญชีม้าและซิมม้ามาดำเนินคดีเพื่อตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งบทลงโทษสูงสุดของผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ กสทช.และผู้ให้บริการโทรศัพท์ยังได้ร่วมกับกระทรวงดีอีเอส ปิดกั้นเอสเอ็มเอส และเบอร์โทรศัพท์ที่เข้าข่ายหลอกลวงผิดกฎหมายมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2564-26 เมษายน 2566 สำนักงาน กสทช.และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้ปิดกั้น เอสเอ็มเอสหรือโทรศัพท์หลอกลวง ไปแล้ว 1.67 แสนหมายเลข
“มั่นใจทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกันในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาลดความเสียหายและอาชญากรรมที่เกิดขึ้น บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จับกุมผู้กระทำความผิด และดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับบัญชีม้าและซิมม้ามาลงโทษ ลดโอกาสการก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ และบรรเทาการสูญเสียทรัพย์ของประชาชนได้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน และย้ำเตือนอีกครั้ง บัญชีม้า ซิมม้า มีโทษแรง จึงขอเตือนว่าให้พี่น้องประชาชนทุกคนไปที่ธนาคารไปแจ้งยกเลิกบัญชีที่ไปรับจ้างเปิดไว้และยกเลิกซิมด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะมีความผิดถ้าตรวจพบในภายหลัง” นายชัยวุฒิกล่าว