ส.อ.ท.ผวาค่าแรง ‘ก้าวไกล – เพื่อไทย’ ต่างด้าว 2.7 ล้านคนได้ประโยชน์ แถมส่งเงินกลับบ้าน
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจจากการฟอร์มรัฐบาล ว่า จากการพิจารณานโยบายของทุกพรรค ส.อ.ท.เห็นด้วย แต่มีข้อกังวลแค่นโยบายของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยภาคอุตสาหกรรมเห็นใจเรื่องความลำบากและความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งภาระค่าครองชีพ ของประชาชนแต่ควรดูทางออกให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ควรมีการหารือกันก่อนว่าจะมีแนวทางการปรับขึ้นค่าแรงอย่างไร ที่จะควบคู่ไปกับการดูแลค่าครองชีพประชาชนไปพร้อมกัน เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีการประกาศปรับขึ้นค่าแรง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคตามไปด้วย เนื่องจากค่าจ้างแรงงานเป็นต้นทุนส่วนใหญ่ของการผลิต
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ผ่านมาจะพิจารณาโดยคณะกรรมการไตรภาคี ที่ประกอบด้วย ภาครัฐ นายจ้าง และลูกจ้าง โดยจะต้องพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ เงินเฟ้อ และบทบาทของแต่ละจังหวัด หากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำแบบก้าวกระโดดจะลดขีดความสามารถของประเทศและความน่าสนใจในการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ ค่าจ้างขั้นต่ำส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่แรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันมีประมาณ 2,700,000 คน โดยเฉพาะงาน 3D ที่คนไทยไม่ทำ (Dirty งานสกปรก, Difficult งานยาก, และ Dangerous งานอันตราย) ซึ่งแรงงานเหล่านี้จะกันเงินค่าจ้าง 50% ส่งกลับไปยังบ้านเกิด และจะเหลือเงินใช้ในประเทศไทยเพียง 50% เท่านั้น เท่ากับว่าเงินครึ่งนึงจะหายออกไปจากระบบเศรษฐกิจไทย ไม่สามารถสร้าง Multiplier(ตัวคูณ) ทางเศรษฐกิจได้
ขณะเดียวกัน การปรับค่าแรงหากขึ้นก้าวกระโดดจะกระทบต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ส่วนเอกชนรายใหญ่แม้มีศักยภาพจ่ายเพิ่ม จะหันไปใช้ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรกลมากขึ้น
ส.อ.ท. เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรง แต่ควรมีการพิจารณาปรับขึ้นตามทักษะความชำนาญของแรงงาน และต้องพิจารณาว่าหากปรับขึ้นค่าแรง ผลประโยชน์ที่แท้จริงจะตกอยู่กับประเทศที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด เพราะต้องคำนึงถึงศักยภาพในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมด้วย
สำหรับเอ็มโอยูยังไม่ทราบรายละเอียด หากเป็นไปได้อยากให้ประเด็นค่าจ้างถูกพิจารณาอย่างรอบด้านอีกครั้ง