‘อสังหาภูเก็ต’ ชี้ประเทศไทยต้องการ ‘นายกฯ’ เก่ง รู้เรื่องเศรษฐกิจ ตั้งรัฐบาลใหม่ได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ตนได้ติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อย่างใกล้ชิด อยากให้จัดตั้งได้ตามไทม์ไลน์ ยิ่งเร็วได้ยิ่งดี ไม่อยากให้เกิดสิ่งที่ไม่อยากให้เกิด ไม่อยากเห็นการขัดแย้งซ้ำซากเหมือนที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจแย่ ตอนนี้ประเทศต้องการให้ทุกคนร่วมกันฟื้นเศรษฐกิจ หลังผ่านโควิดมาได้แล้ว ไม่อยากให้วนกลับไปเหมือนเดิมอีก
“ให้รัฐบาลใหม่ได้ลองทำงานก่อน เพราะประชาชนเลือกมาแล้ว ถ้าไม่ดีก็ไม่ต้องเลือกอีก ดูว่าสิ่งที่พูดไว้จะทำได้หรือไม่ ซึ่งภูเก็ตต้องการพรรครัฐบาลมีอำนาจบริหารประเทศ ถ้าตั้งได้ไม่เร็ว จะทำให้การอนุมัติงบประมาณเสียเวลา เสียศักยภาพ ความน่าเชื่อถือ หากพรรคก้าวไกลรวมกับพรรคเพื่อไทยได้ก็ถือดี แต่ถ้าพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ยังมีพรรคเพื่อไทยที่จะจัดตั้งก็ถือว่ายังยอมรับได้ เพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็นนักธุรกิจมาก่อน การบริหารจัดการประเทศน่าจะดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา” นายพัทธนันท์กล่าว
นายพัทธนันท์ กล่าวว่า สำหรับคุณพิธาถือว่าเป็นคนที่น่าสนใจ มีความเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นคนรุ่นใหม่ มีความรู้ ความสามารถ เคยเป็นนักธุรกิจและแก้ปัญหาหนักๆมาแล้ว ถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็น่าติดตามว่าจะทำนโยบายต่างๆได้จริงอย่างที่พูดไว้หรือไม่ ซึ่งตนก็อยากให้เป็น จะได้เริ่มอะไรจริงๆจังๆเสียที เพราะประเทศไทยในเวลานี้ ต้องการนายกรัฐมนตรีที่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ มาแก้ปัญหาทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะไม่เกิดการพัฒนาและจะถูกฝังในระบบเก่าๆ
“เมื่อดูนโยบายด้านเศรษฐกิจพรรคก้าวไกลถือว่ามีโรดแมปชัดเจน ไม่ขายฝัน ทำให้เป็นจริงได้ ซึ่งการลดค่าไฟลงทันที 70 สตางค์ดีมาก เพราะกระทบต่อภาคธุรกิจมาก ทั้งนี้เท่าที่ดูยังไม่มีนโยบายไหนที่น่ากลัวมากนัก แต่ต้องมีรายละเอียดมากกว่านี้ เช่น ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะจะกระทบทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค แม้ว่านโยบายของพรรคก้าวไกลจะให้นายจ้างนำไปหักภาษีได้ในสิ้นปี แต่ระหว่างปีมีภาระจะทำยังไง เช่น ปัญหาสภาพคล่อง ส่วนการตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย ที่ภูเก็ตมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รัฐบาลต้องทำรายละเอียดให้ชัด”นายพัทธนันท์กล่าว
นายพัทธนันท์ยังกล่าวถึงข้อเสนอต่อรัฐบาลใหม่ว่า อยากให้พิจารณาปลดล็อกข้อกฎหมายต่างๆที่บังคับใช้มานานแล้วเป็น 20-30 ปี เช่น กฎหมายอาคารชุด กฎหมายจัดสรร ผังเมือง สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันในรายละเอียดของข้อกฎหมายถือว่าไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
ถ้ารัฐบาลใหม่เข้าใจจะทำให้ง่ายต่อการสื่อสาร โดยเฉพาะผู้ที่จะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะต้องเข้าในภาคธุรกิจด้วย
นอกจากนี้จะขอปลดล็อกให้ต่างชาติสามารถซื้อคอนโดมิเนียมได้มากกว่า 49%และซื้อบ้านได้ โดยอาจจะเริ่มจากการขยายระยะเวลการเช่าจาก 30 ปี เป็น 50-60 ปีก่อนก็ได้
