บาทเปิดแข็งค่าขึ้นที่ 34.28 บาท/ดอลล์ หลังประธานเฟดส่งซิก ยุติขึ้นดอกเบี้ย
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.28 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.39 บาทต่อเหรียญสหรัฐ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.00-34.60 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
โดยในช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าใกล้โซน 34.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตามการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐและแรงซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ก่อนที่เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลง จากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มองว่าเฟดอาจไม่จำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยมาก ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดก็เริ่มกลับมากังวลความคืบหน้าการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตอบรับความหวังการเจรจาขยายเพดานหนี้อาจประสบความสำเร็จได้เร็วและแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
“สัปดาห์นี้ ควรจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ และรายงานดัชนีภาคการผลิตและบริการ (PMI) ของบรรดาเศรษฐกิจหลัก นอกจากนี้ ควรติดตามการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ พร้อมรอติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลผสมของไทย”นายพูน กล่าว
นายพูน กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท ประเมินว่านอกเหนือจากทิศทางเงินเหรียญสหรัฐและราคาทองคำ ความไม่แน่นอนของการเมืองไทย หลังการเลือกตั้ง อาจส่งผลกระทบต่อฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติได้ โดยคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะยังไม่รีบกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยในระยะสั้น ซึ่งในเชิงเทคนิคัล โซนแนวต้านจะอยู่ที่โซน 34.50-34.60 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
และเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน แถว 34.20 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จะกลายมาเป็นโซนแนวรับในระยะสั้นนี้ อนึ่ง หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นหลุดเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน ก็มีโอกาสเห็นการแข็งค่ากลับไปทดสอบโซน 34.00 บาทต่อเหรียญสหรัฐอีกครั้งได้
นายพูน กล่าวว่า ในส่วนเงินเหรียญสหรัฐนั้น โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินอาจเริ่มแผ่วลง หลังตลาดเริ่มมองว่าเฟดอาจไม่เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ขณะเดียวกัน ความกังวลปัญหาเพดานหนี้ก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง จากการเจรจาขยายเพดานหนี้ที่ยังไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ก็อาจหนุนให้เงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อได้ ในส่วนของค่าเงินบาท
“ช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ (ประเด็นขยายเพดานหนี้) และการเมืองไทย ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน” นายพูน กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับเศรษฐกิจไทย ตลาดประเมินว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าอาจส่งผลให้ยอดการส่งออก (Exports) เดือนเมษายน หดตัวต่อเนื่อง -2.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ดี ยอดการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจฝั่งเอเชีย ทว่าแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลัก อย่าง สหรัฐฯ และยุโรปก็อาจเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกของไทยได้
