จับตานโยบายขึ้นค่าแรง 450 หวั่นนักลงทุนหนีซบเวียดนาม ซ้ำดันเงินเฟ้อพุ่ง-ค่าครองชีพเพิ่ม

จับตานโยบายขึ้นค่าแรง 450 หวั่นนักลงทุนหนีซบเวียดนาม ซ้ำดันเงินเฟ้อพุ่ง-ค่าครองชีพเพิ่ม

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวในงานสัมมนาปรับกลยุทธ์รับมุมมองตลาดการเงินที่ผันผวนว่า สำหรับการดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งปีอยู่ที่ 2% เนื่องจากประเด็นปัญหาเรื่องต้นทุนของผู้ประกอบการอาจจะมีการผลักภาระให้ผู้บริโภค ทำให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงกว่าที่คาดการณ์ ขณะเดียวกัน ธปท.แสดงความกังวลเรื่องนโยบายการขึ้นค่าแรงจะทำให้รายได้สูงขึ้น และทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นตามเช่นกัน

นายกอบสิทธิ์กล่าวว่า สะท้อนจากข้อมูลของ STATISTA เว็บไซต์วิจัยและเก็บสถิติชั้นนำระบุว่า ในปี 2565 อัตรารายได้ต่อเดือนของประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิก จำนวน 18 ประเทศ โดยประเทศไทยมีอัตรารายได้ต่อเดือนอยู่ลำดับที่ 10 ด้วยอัตรารายได้เฉลี่ย 293 เหรียญสหรัฐ ซึ่งอยู่สูงกว่ามาเลเซียในลำดับที่ 11 และเวียดนาม ลำดับที่ 13 ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวล หากมีการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำสูงขึ้น การพิจารณาลงทุนของนักลงทุนมีแนวโน้มไปที่ประเทศเวียดนามมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นสิ่งที่น่าติดตามที่อาจนำไปสู่ปัญหาเงินเฟ้อ เนื่องจากข้อมูลพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างรายได้และเงินเฟ้อมีสูงถึง 90% อีกทั้งขณะนี้ แม้ยังไม่มีการปรับขึ้นค่าแรงงาน แต่มีสัญญาณว่าจะปรับในอนาคต ส่งผลให้ตอนนี้ราคาสินค้าเริ่มทยอยปรับขึ้นบ้างแล้ว

Advertisement

“นโยบายช่วงหาเสียงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาผลักดันนโยบายจริง ยังเป็นเรื่องของคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ดำเนินการร่วมกัน ซึ่งไม่ใช่เป็นการเจรจาฝ่ายเดียว มองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งอาจเป็นได้จริงพลวัตเงินเฟ้อจะเกิดแรงขึ้น หรือเกิดปัญหาการเลิกจ้างงานมากขึ้นจากต้นทุนผู้ประกอบการที่แบกรับภาระไม่ไหว” นายกอบสิทธิ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image