ปลัดพณ. เร่งเครื่อง ‘ส่งออก’ ครึ่งปีหลัง ดันเข้าเป้าปี’66 โต 1-2% 

ปลัดพณ. เร่งเครื่อง ‘ส่งออก’ ครึ่งปีหลัง ดันเข้าเป้าปี’66 โต 1-2% 

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ที่กระทรวงพาณิชย์ นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังจากเป็นประธานการประชุมผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ 58 แห่ง 43 ประเทศทั่วโลก ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ และภาคเอกชนว่า แผนผลักดันการส่งออกในครึ่งปีหลังนั้น กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับภาคเอกชน จะผลักดันการส่งออกให้สามารถบรรลุเป้าหมายทั้งปี 2566 ที่ตั้งไว้ร่วมกันที่ 1-2% หรือมีมูลค่ากว่า 293,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยข้อสรุปแผน 7 ภูมิภาค พร้อมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 350 กิจกรรม ซึ่งคาดการณ์ว่าจะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศ รวมกว่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.94 หมื่นล้านบาท

โดยมีการกำหนดเป้าส่งออกแต่ละภูมิภาค ประกอบด้วย ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา มีเป้าหมายขยายตัว 20% คิดเป็นมูลค่า 5,380 ล้านบาท เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย มีเป้าหมายขยายตัว 2.2% คิดเป็นมูลค่า 4,163 ล้านบาท จีนและฮ่องกง แบ่งเป็นเป้าจีนขยายตัว 1% และฮ่องกงขยายตัว 2% คิดเป็นมูลค่ารวม 3,238 ล้านบาท ยุโรป มีเป้าหมายขยายตัว 1% คิดเป็นมูลค่า 2,450 ล้านบาท อเมริกา แบ่งเป็น เป้าอเมริกาเหนือ มีเป้าหมายขยายตัว 4.5% และลาตินอเมริกา มีเป้าหมายขยายตัว 4% คิดเป็นมูลค่ารวม 2,380 ล้านบาท เอเชียใต้ มีเป้าหมายขยายตัว 10% คิดเป็นมูลค่า 980 ล้านบาท และอาเซียน มีเป้าหมายขยายตัว 6.6% คิดเป็นมูลค่า 808 ล้านบาท

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ รักษาตลาดเดิม และฟื้นฟูตลาดเก่า ด้วยกลยุทธ์สำคัญ อาทิ การเร่งจัดคณะผู้แทนการค้าเพื่อขยายตลาดศักยภาพ การส่งเสริมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน การจับคู่เจรจาธุรกิจทั้งออฟไลน์และออนไลน์ การผลักดันการส่งออกสินค้าบีซีจี และสินค้านวัตกรรมใหม่ การส่งเสริมธุรกิจบริการมูลค่าสูง โดยเฉพาะดิจิทัลคอนเทนต์ HORECA ร้านอาหาร Thai Select และการปูพรมเจาะตลาดเมืองรอง โดยเฉพาะในอาเซียน สหรัฐและยุโรป

Advertisement

นายกีรติกล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการหารือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายปี 2565 เพื่อเตรียมการผลักดันการส่งออกในปีนี้ เนื่องจากคาดการณ์ว่าตัวเลขจะติดลบ จากแนวโน้มปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่กดดัน ซึ่งจากการหารือภายใต้กลไก กรอ. พาณิชย์ ได้เห็นชอบร่วมกันที่จะต้องมีการจัดทำแผนรองรับ และกำหนดตลาดเป้าหมาย 4 ตลาด คือตะวันออกกลาง เอเชียใต้ CLMV และจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีศักยภาพท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

“มีการตั้งคณะทำงาน วอร์รูม เร่งรัดการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าว เพื่อลงลึกในรายละเอียดของแผนงาน ซึ่งผลการดำเนินการภายใต้คณะทำงานวอร์รูม ได้แก่ การจัดคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน เดินทางเยือนตลาดเป้าหมาย จำนวน 3 คณะ” นายกีรติกล่าว

Advertisement

โดยคณะแรก เป็นการเดินทางเยือน ยูเออี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 นำโดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้มีการพบหารือกับ รัฐมนตรีแห่งรัฐประจำกระทรวงเศรษฐกิจของยูเอเอี ที่รับผิดชอบด้านการค้าต่างประเทศ เรื่องการจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (CEPA) ไทย-ยูเออี นอกจากนี้ ภาคเอกชนทั้ง 2 ฝ่าย ได้มีการลงนามจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-ยูเออี เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการค้าระหว่างกัน รวมถึงลงนามความร่วมมือด้านโลจิสติส์กับ DP World ของยูเออี

ส่วนคณะที่ 2 เยือนมณฑลยูนนาน เมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งได้พบหารือผู้บริหารระดับสูงภาครัฐมณฑลยูนนานและนครคุนหมิงของจีน รวมถึงลงพื้นที่สำรวจด่านโม่ฮาน ทั้งด่านบกและด่านรถไฟ พร้อมหารือหน่วยงานท้องถิ่นของจีน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับฤดูผลไม้ของไทย

และคณะที่ 3 เยือนเวียดนาม ในเดือนเมษายน ซึ่งได้พบผู้บริหารระดับสูงภาครัฐของเวียดนาม ณ กรุงฮานอย หารือการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าไทยข้ามแดนเวียดนามสู่จีนตอนใต้ รวมถึงลงพื้นที่สำรวจเส้นทางขนส่งสินค้าผลไม้ ณ จังหวัดลางเซินด้วย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image