รองปธ.ส.อ.ท. เรียกร้องแก้ 3 ข้อลดค่าครองชีพ ตัดวงจรใช้ “ค่าแรงขั้นต่ำ” หาเสียงการเมือง
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ นายกสมาคมนักศึกษาเก่าพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ส.พ.บ.ธ. / TBSA)เผยแพร่บทความส่วนตัว ระบุว่า ค่าแรงขั้นต่ำ คือ คำตอบของการแก้ปัญหาค่าครองชีพของแรงงาน จริงหรือครับ ?
ผมมองว่า สาเหตุหลัก ที่เป็นต้นทุนแฝง อยู่ในค่าครองชีพ* ของประชาชนคนไทย เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าWi-Fi รวมทั้ง ค่าสาธารณูปโภคอื่นๆ ของบ้านเรา
หากเรามาลองวิเคราะห์ ให้ถี่ถ้วนแล้วจะพบว่า ค่าครองชีพของคนไทยที่สูงกว่าเพื่อนบ้านล้วนมีสาเหตุมาจาก
1) กลไกผูกขาด และ ภาครัฐ ถูกครอบงำโดยทุนใหญ่ผูกขาด ในระดับนโยบาย ,ระดับ Regulator และ ระดับ Operator ระบบสัมปทาน คือ บ่อเกิดแห่งความไม่เป็นธรรม! การขาดกลไกตลาดเสรี คือ ราคา ค่าสาธารณูปโภค ที่คนไทยต้องจ่ายแพง เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน
2) ปัญหา การทุจริตคอร์รัปชัน คือ อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ ของต้นทุนต่างๆที่ตามมาในค่าครองชีพ และค่าสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมทั้งตัวเลขของงบประมาณภาครัฐที่สูญหายไประหว่างทาง ก่อนถึงมือประชาชน ในโครงการต่างๆ ด้วยเหตุผล “ของฟรีไม่มีในโลก”
สาเหตุทั้ง 2 ข้อข้างต้น ล้วนยิ่งสร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำของรายได้ ของประชาชนระหว่างคนรวยและคนจนตลอดมาของสังคมไทย
ทางออก เรื่องการช่วยเหลือค่าครองชีพ ของประชาชน โดยภาครัฐ จึงควรเป็นวาระแห่งชาติในการแก้ปัญหาร่วมกันดังนี้
1) การแก้ปัญหาทุนผูกขาด
2) การแก้ปัญหาทุจริต คอรัปชั่น
3) การผลักดัน “นโยบายรัฐสวัสดิการ”
เพื่อช่วยเหลือลดค่าครองชีพประชาชนที่ลำบากในแต่ละประเภท อย่างเหมาะสม เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค , รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย , Free internet โครงการธงฟ้า ราคาประหยัด ทั้ง อาหาร และ สินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ
เหล่านี้คือสิ่งที่ภาครัฐควรผลักดันอย่างเป็นระบบและทั่วถึง
หากเราทำทั้ง 3 ข้อแล้วค่าครองชีพของประชาชนและแรงงานก็จะลดลง
นโยบายค่าแรงขั้นต่า ก็จะไม่เป็นเครื่องมือในการหาเสียงของพรรคการเมือง อย่างที่เป็นมาในอดีต ซึ่งมีแต่จะทำลายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ SMEs ด้วยการล้มหายตายจาก และ เลิกกิจการหรือ การลดจำนวนแรงงาน เพื่อลดภาระต้นทุนค่าแรงอย่างที่หลายภาคส่วนเป็นกังวล
ทั้งนี้ยังไม่รวม เงินไหลออกนอกประเทศ จากแรงงานต่างด้าว ที่ได้รับอานิสงส์ ค่าแรงขั้นต่ำของประเทศไทย
โดยส่วนตัวผม มองว่าภาคธุรกิจ ยินดีให้ความร่วมมือ ในการจ่ายค่าแรงด้วยนโยบาย Pay by skill และตาม Productivity นั่นหมายถึงภารกิจในการ Up-skill และ Re-skill ควรเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ภาครัฐและเอกชนควรทำร่วมกันเพื่อให้แรงงานของเรามีคุณภาพตอบโจทย์ธุรกิจและได้รับค่าแรงที่เหมาะสมและเป็นธรรม อีกทั้งขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ( Competitiveness) ก็จะดีขึ้นตามลำดับ
จากบทความนี้ ผมก็ได้แต่หวังว่า นโยบายค่าแรงขั้นต่ำคงจะเปลี่ยนไป ไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอบพระคุณครับ