ผู้เขียน | ทรรศวรรณ ทัพสุวรรณ |
---|
จอดป้ายประชาชื่น : ค่าแรงดันดอกเบี้ย
จบศึกเลือกตั้ง ก้าวไกลได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาล แต่การจัดตั้งรัฐบาลไม่ง่ายดั่งใจคิด เพราะติดอุปสรรครอบด้าน ตั้งแต่ความคุกรุ่นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ด่านสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) รวมไปถึงความกังวลต่อนโยบายของพรรคที่มีทั้งเสียงตอบรับและคัดค้าน
ความกังวลการดำเนินนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ท่ามกลางเศรษฐกิจฟื้นตัวไม่เต็มที่อาจเป็นความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ สุดท้ายเสาหลักการเงินอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจจะใช้เครื่องมือทางการเงินด้วยวิธีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อปราบเงินเฟ้อ
กระนั้น การขึ้นดอกเบี้ยอีกระลอกจะเป็นผลกระทบที่ทุกคนต้องเผชิญ ไม่เพียงแต่ผู้ประกอบธุรกิจเท่านั้น
เรื่องนี้ วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ประเมินว่า หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้นทุกคนที่มีภาระหนี้จะได้รับผลกระทบทั้งหมด ตั้งแต่ภาคครัวเรือนจนถึงภาคธุรกิจ เพราะสถาบันการเงินต้องส่งผ่านดอกเบี้ย ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้กู้เงินมาดำเนินการธุรกิจ เพราะภาระต้นทุนทั้งดอกเบี้ย ค่าแรงขั้นต่ำ ค่าไฟฟ้ามีทิศทางสูงขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ดังนั้น แนวโน้มความเสี่ยงที่ธุรกิจจะมีปัญหาจนไม่สามารถชำระหนี้ หรือผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้นก็มีความเป็นไปได้สูง
ขณะที่ กอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย คาดการณ์ว่า กนง.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนพฤษภาคม ที่ 0.25% จากเดิม 1.75% มาอยู่ที่ 2% ทั้งปี 2566 คงดอกเบี้ยไว้อีกระยะหนึ่ง แต่มีความเป็นไปได้จะปรับดอกเบี้ยสูงกว่าคาดการณ์ เนื่องจาก กนง.จะติดตามการส่งผ่านต้นทุนเงินเฟ้อไปยังผู้บริโภค ขณะเดียวกัน ปัจจัยการปรับค่าแรงอาจกดดันให้เงินเฟ้อเร่งขึ้นได้ แม้ยังประเมินถึงผลกระทบอย่างชัดเจนไม่ได้ เพราะยังไม่แน่ชัดว่านโยบายดังกล่าวจะทำได้ตามที่ประกาศไว้
ดอกเบี้ยจะพุ่งจากพิษค่าแรงหรือไม่ รัฐบาลใหม่มีคำตอบ!!
ทรรศวรรณ ทัพสุวรรณ