ทล. คุมเข้มด่านชั่งน้ำหนัก 97 แห่ง หลังพบรถบรรทุกน้ำหนักเกินแล้ว 2,400 คัน เผยจ่ายค่าซ่อมทางกว่า 2 หมื่นล้าน/ปี
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสสติ๊กเกอร์ส่วยรถบรรทุกเกี่ยวกับการกระทำผิดจากการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนดบนโครงข่ายถนนทางหลวงว่า ปัจจุบันมีโครงข่ายทางหลวงที่รับผิดชอบระยะทาง 50,000 กว่ากิโลเมตร ที่ผ่านมา ทล.ให้ความสำคัญในการดำเนินการตรวจสอบเข้มงวดเรื่องบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันกรมมีสถานีตรวจสอบน้ำหนักบนทางหลวงจำนวน 97 แห่ง ด่านชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ และด่านตรวจสอบส่วนกลาง 12 แห่ง
ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางหลวงทั่วประเทศจะไปตรวจสอบเส้นทางที่มีรถบรรทุกวิ่งจำนวนหนาแน่นหรือเส้นทางที่มีประชาชนแจ้งเบาะแสให้ไปตรวจสอบว่ารถบรรทุกจะมีการบรรทุกน้ำหนักเกินกฎหมายกำหนด หากพบว่ากระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 61 วรรคหนึ่ง ซึ่งหากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจถูกริบรถบรรทุกที่ใช้ในการกระทำความผิดนั้น
ทั้งนี้ พบว่าในปีงบประมาณ 2566 หรือตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565-ปัจจุบัน มีรถบรรทุกน้ำหนักเกินกฎหมายกำหนดจำนวน 2,400 คัน สำหรับเดือนพฤษภาคม 2566 พบรถบรรทุกที่ติดสติ๊กเกอร์พระอาทิตย์สีฟ้า 3 คัน ขณะที่ในปีงบประมาณ 2565 พบรถบรรทุกน้ำหนักเกิน 3,488 คัน จากปัญหาการบรรทุกน้ำหนักเกินกฎหมายกำหนดส่งผลให้ถนนพังเร็วกว่าที่อายุการใช้งาน ทำให้ ทล.ต้องใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุงถนนประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ในส่วนของมาตรการป้องกันส่วยรถบรรทุกที่มาจากการกระทำผิดด้วยการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด ขณะนี้ สำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ (สคน.) สั่งการให้ด่านชั่งน้ำหนักทุกด่านเข้มงวดกวดขันรถบรรทุกน้ำหนักเกินกฎหมายกำหนดมากกว่าจากที่เคยทำ โดยไม่เน้นเป็นรถบรรทุกที่มีสติ๊กเกอร์หรือไม่มีสติ๊กเกอร์ เพื่อป้องกันการกระทำผิด หากประชาชนพบเห็นรถบรรทุกน้ำหนักเกินมาตรฐานกำหนด สามารถแจ้งได้ที่แขวงทางหลวงในพื้นที่ หรือสายด่วนกรมทางหลวง 1586
