อีวีแรงลุ้นคนไทยถอยป้ายแดงปีนี้ 60,000 คัน หากรถราคาเบาถล่มตลาด

แฟ้มภาพ

อีวีแรงลุ้นคนไทยถอยป้ายแดงปีนี้ 60,000 คัน หากรถราคาเบาถล่มตลาด

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คาดการณ์ปี 2566 รถยนต์ไฟฟ้า100% หรือ บีอีวี ป้ายแดงในไทยจะพุ่งแตะ 40,000 คัน และหากกลุ่มราคาถูก อาทิ บีอีวี จากจีนเข้ามาเล่นในตลาดมากขึ้น ซึ่งราคาไม่แพงคันละ 300,000-500,000 บาท ก็มีโอกาสทำให้ยอดขายจนจดทะเบียนป้ายแดงพุ่งถึง 50,000-60,000 คันเลยทีเดียว ตัวเร่งสำคัญมาจากการจ่ายเงินชดเชยตามมาตรการอีวีของกรมสรรพสามิตรถยนต์อีวีที่ได้รับเงินอุดหนุนสูงสุด 1.5 แสนบาทต่อคัน

สำหรับยอดจะเบียนบีอีวีป้ายแดงเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ 5,181 คัน เพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันจากปีที่ผ่านมา 320.88% ส่วนใหญ่มาจากรถยนต์นั่ง 3,820 คัน ที่เหลือ อาทิ รถกระบะ รถแวน 2 คัน รถยนต์สามล้อรับจ้าง 19 คัน รถโดยสาร 93 คัน รถบรรทุก 9 คัน ส่งผลให้เดือนมกราคม – เมษายน 2566 จดทะเบียนบีอีวีใหม่ 26,233 คัน เพิ่มขึ้น 534.41% จากช่วง 4 เดือนของปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง 18,357 คัน รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน 84 คัน รถยนต์บริการธุรกิจ 2 คัน รถยนต์บริการทัศนาจร 2 คัน รถกระบะ รถแวน 37 คัน รถยนต์รับจ้างสามล้อ 103 คัน รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล 6 คัน รถโดยสาร 703 คัน รถบรรทุก 53 คัน

ด้านนายเกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า สถานการณ์โควิดและกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยตลาดยานยนต์ทั่วโลกในปีนี้มีการเติบโตขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกนั้น จากข้อมูลเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ระบุว่า ทั่วโลกมีปริมาณจำหน่ายยานยนต์ 27.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 9%

Advertisement

สะท้อนถึงตลาดยานยนต์ทั่วโลกที่กำลังฟื้นตัว และปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิตเริ่มคลี่คลาย แต่ปริมาณดังกล่าวยังน้อยกว่าปริมาณจำหน่ายในช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 โดยในช่วงเดียวกันของปี 2562 ทั่วโลกมีปริมาณจำหน่าย 31.8 ล้านคัน และคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2566 จะมียอดขายรถยนต์ทั่วโลก 86.05 ล้านคัน

สำหรับสถานการณ์ยานยนต์ไทยปีนี้ คาดการณ์ปริมาณผลิต 1.95 ล้านคัน ขายในประเทศ 0.90 ล้านคัน และส่งออก 1.05 ล้านคัน และในเดือน มกราคม-เมษายน 2566 มีปริมาณการผลิต 6.25 แสนคัน เพิ่มขึ้น 5% แบ่งเป็นตลาดรถยนต์ในประเทศ 2.76 แสนคัน ลดลง 6% เนื่องจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน เนื่องจากผลของหนี้ครัวเรือนอยู่ในอัตราสูงและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นเพิ่มขึ้น

ขณะที่ตลาดส่งออกมีปริมาณ 353,632 คัน เพิ่มขึ้น 18% เป็นผลจากฐานต่ำของปีที่แล้ว เนื่องจากปัจจัยด้านอุปทานที่ขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และชิ้นส่วนเพื่อการผลิต

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image