จับตาทิศทางฟันด์โฟลว์ต่างชาติเข้าไทย หนุนชะลอบาทอ่อน

จับตาทิศทางฟันด์โฟลว์ต่างชาติเข้าไทย หนุนชะลอบาทอ่อน

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.77 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.89 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิดวันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน) มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.40-34.95 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.85 บาทต่อดอลลาร์

ในช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ หลังยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมสหรัฐออกมาดีกว่าคาดไปมาก ทว่า เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ในช่วงคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

หลังดัชนีภาคการบริการสหรัฐ (ISM/PMI) ออกมาแย่กว่าคาด นอกจากการปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐยังช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท ส่วนในสัปดาห์นี้ควรจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐและจีน โดยส่วนในฝั่งไทยรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI เดือนพฤษภาคม

Advertisement

นายพูนกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าของเงินบาทแผ่วลงชัดเจนมากขึ้น โดยเงินบาทยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุแนวต้านโซน 34.90 บาทต่อดอลลาร์ไปได้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในจังหวะเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งจะช่วยจำกัดการอ่อนค่าของเงินบาท

ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เพราะหากนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้เช่นกัน และควรจับตาทิศทางราคาทองคำและค่าเงินหยวนซึ่งมีผลกับเงินบาทในช่วงนี้

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น คงมองว่า Upside เงินดอลลาร์อาจมีไม่มาก โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ขาดถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด ผู้เล่นในตลาดจะยิ่งมองว่าเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน กดดันให้เงินดอลลาร์มีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง

Advertisement

“ช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไปมาของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน” นายพูนกล่าว

นายพูนกล่าวว่า เศรษฐกิจฝั่งไทยประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI เดือนพฤษภาคมอาจชะลอลง -0.05% จากเดือนก่อนหน้า (คิดเป็น +1.2%y/y เนื่องจากระดับฐานราคาที่สูงในปีก่อนหน้า) ตามการปรับตัวลงของราคาสินค้าพลังงาน ทว่าราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มอาจยังคงปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวต่อเนื่องของการบริโภคในประเทศ

ซึ่งจะสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) ที่อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.5 จุด ในเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ จะติดตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพราะหากอัตราเงินเฟ้อชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจลดโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image