รุกพลังงานสะอาดในนิคมฯ กนอ. ชวน บี.กริม ศึกษานิคมฯ ภาคใต้
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งถือเป็นท่าเรือชั้นนำของประเทศ และเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญตามแผนพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา เฟสที่ 3 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งสามารถขยายความจุท่าเรือตู้สินค้า จาก 11 ล้านตู้ต่อปี เป็น 18 ล้านตู้ต่อปี (รวมทั้ง 3 ระยะ) โดยออกแบบเป็นรูปตัว U มีความยาวหน้าท่า 2 กิโลเมตร ความลึก 18 เมตร สามารถรองรับเรือขนส่งสินค้ารุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่และมีระยะกินน้ำลึกเพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ท่าเรือแหลมฉบัง ขณะนี้กำลังพัฒนาอยู่ใน เฟส 3 และมีนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ตั้งอยู่ในพื้นที่ ซึ่งนับว่ามีความสำคัญมากในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะประเด็นการเชื่อมโยงด้านการขนส่งสินค้า (Logistic) จากภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ซึ่งหากในอนาคตมีการสร้างรางรถไฟเข้าไปถึงบริเวณหลังท่าเทียบเรือด้วย ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งตู้สินค้าทางรางได้อีกด้วย” นายวีริศ กล่าว
นายวีริศ กล่าวด้วยว่า นอกจากเยี่ยมชมการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบังแล้ว ยังเยี่ยมชมโรงไฟฟ้า บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) สาขานิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ซึ่งบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน โดยมุ่งเน้นผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม และพลังงานหมุนเวียน พร้อมกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
โดยโรงไฟฟ้าของบริษัท บี.กริมฯ ได้ทดลองใช้พลังงานสะอาดในระบบไมโครกริด (Microgrid : ระบบไฟฟ้าที่สามารถจ่ายไฟได้โดยไม่ต้องเชื่อมโยงกับระบบโครงข่ายไฟฟ้า เช่น ระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าแบบต่างๆ รวมถึงระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า และระบบการจัดการพลังงานไฟฟ้า) โดยทำระบบเชื่อมต่อระหว่างไฟฟ้าที่ผลิตจากโซลาร์เซลล์ และไฟฟ้าที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติให้เชื่อมต่อกันอย่างมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ หากในอนาคต สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อนุญาตให้ทดลองนำไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มเข้า Grid จะเป็นความท้าทายในการบริหารจัดการไฟฟ้าอีกรูปแบบหนึ่งด้วย
“ผมได้เชิญชวนบริษัท บี.กริมฯ ให้ลงศึกษาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ (สงขลา) และนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) เพื่อช่วยให้คำแนะนำด้านการบริหารจัดการพลังงานในนิคมอุตสาหกรรมอย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งบริษัท บี.กริมฯ ให้ความสนใจและยินดีที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในพื้นที่ร่วมกัน” นายวีริศ กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมบริษัท แอร์ ลิควิด (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งประกอบกิจการแยกก๊าซไนโตรเจน ออกซิเจน และก๊าซอาร์กอน เพื่อจำหน่ายให้กับโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรม โดยการเยี่ยมชมครั้งนี้ เพื่อหาข้อมูลสนับสนุนแนวคิดของ กนอ. ในการนำไฮโดรเจนมาผลิตพลังงานต่อไปในอนาคต เนื่องจากบริษัท แอร์ ลิควิดฯ มีการประกอบกิจการโรงงานผลิตและจำหน่ายไฮโดรเจน ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดด้วย