ส.แอลกอลฮอล์ ค้าน กม.ใหม่ จี้เลิกคุมเหล้าสุดโต่ง กระทบเป็นลูกโซ่ โรงแรม-ร้านอาหาร

‘ส.แอลกอลฮอล์’ จี้เลิกคุมเหล้าสุดโต่ง ฉุดธุรกิจท่องเที่ยวซึม กระทบลูกโซ่ รร.-ร้านอาหาร ค้าน กม.ใหม่

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา น.ส.เขมิกา รัตนกุล นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) กล่าวว่า จากกระแสสังคมที่ประชาชนและภาคส่วนต่างๆ ให้ความสนใจประเด็นการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย มีการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของมาตรการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เวลาห้ามขาย การกำหนดโซนนิ่ง และการห้ามขายออนไลน์ แต่ภาครัฐกลับเสนอร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ ซึ่งนอกจากจะเพิกเฉยต่อประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์แล้ว ยังเพิ่มมาตรการควบคุมที่เข้มงวดเกินควรขึ้นอีก

น.ส.เขมิกากล่าวว่า สมาคมขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากมีความสุดโต่ง สร้างผลกระทบต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งรวมถึงธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านค้า โรงแรมที่พัก สถานบันเทิง ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนการฟื้นฟูและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 20 ของจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ)

“สมาคมขอเรียกร้องให้ภาครัฐรับฟังและพิจารณาความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน พิจารณาบริบทของการดำเนินนโยบายอย่างสมดุลและเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นปัจจุบัน คำนึงถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะสูญเสีย หากร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวถูกนำมาบังคับใช้” น.ส.เขมิกากล่าว

Advertisement

น.ส.เขมิกากล่าวถึงสาระของร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ของรัฐว่า นอกจากจะคงมาตราที่สังคมมีการถกเถียงไว้ดังเดิม ไม่ว่าจะเป็นกำหนดเวลาห้ามขายในเวลา 14.00-17.00 น. ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โซนนิ่ง ห้ามขายออนไลน์ ก็มีประเด็นที่น่าจับตามองเพิ่มเติม ได้แก่ เสนอให้กำหนดเวลาห้ามดื่มตามสถานที่ต่างๆ ถือเป็นการลิดรอนและละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ผู้บริโภค ที่มีตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งรวมถึงธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ยังไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคโดยเฉพาะนักท่องเที่ยว

“ประเด็นสุราก้าวหน้าสมาคมมองว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่สุราพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ท้องถิ่นของไทยจะได้รับการสนับสนุนและเติบโตเช่นเดียวกับในต่างประเทศ” น.ส.เขมิกากล่าว

ขณะที่ นายศุภพงศ์ ภูวพัฒนะพันธุ์ อดีตอาจารย์คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ประกอบการสุรา Rocka ต.บ้านโปร่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี กล่าวว่า ได้แนะนำส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกองุ่น เพื่อมีรายได้เสริมจากการทำนา จะรับซื้อมาทำเป็นเหล้าองุ่น ส่งเสริมช่วยชาวบ้าน และนอกจากองุ่นตนทำเหล้าข้าวด้วย เป็นวอดก้าจากข้าว ทำขึ้นมาเสริม เนื่องจากว่าที่นี่เป็นถิ่นที่ทำนา

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image