‘เจ้าสัววิกรม’ ห่วงไทยแพ้เพื่อนบ้าน จี้ตั้งรัฐบาลเร็ว เตือน 2 ปมขัดแย้งโลกเตือนธุรกิจปรับตัว
นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 2566 ว่า ยังต้องติดตามใกล้ชิด โดยเฉพาะประเด็นในประเทศคือ การเมือง การจัดตั้งรัฐบาล อยากให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ ได้รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศโดยเร็ว เพราะตั้งแต่เลือกตั้งเสร็จจนถึงเวลานี้ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และหากสุดท้ายขัดแย้งกันบานปลายจนถึงขั้นลงถนนจะไม่เป็นประโยชน์กับประเทศไทยแน่นอน ยิ่งหากมีมือที่ 3 เข้ามาทำให้สถานการณ์บานปลายเหมือนม็อบในอดีตจะยิ่งทำศักยภาพประเทศไทยลดลง ขณะที่เพื่อนบ้านดีขึ้น อาทิ อินโดนีเซีย ที่การลงทุนขยายตัวขึ้นมากจากนโยบายดึงลงทุนของรัฐบาล เศรษฐกิจในประเทศเติบโต ขยายตัว 5-7% ต่อปี จำนวนขอทานลดลง ล่าสุดยังมีประเด็นค่ายรถยนต์อีซูซุที่ทำให้ไทยต้องกลับมามองศักยภาพการลงทุนของตัวเองอีกครั้ง
“หากการเมืองไทยรุนแรง ถามว่านักลงทุนไม่ว่าไทยหรือต่างชาติจะกล้าลงทุนหรือไม่ แน่นอนทุกคนต้องรอให้สถานการณ์สงบ อย่างอมตะเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมจะรับรู้การตัดสินใจของนักลงทุนเป็นอย่างดีว่าการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญแน่นอน”นายวิกรมกล่าว
นอกจากนี้ต้องจับตาประเทศต่างประเทศที่สำคัญ คือ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน อาจบานปลายกลายเป็นสงครามโลก ซึ่งรัสเซียจบสงครามนี้ไม่ได้ เดิมคาดจะจบใน 1-2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน แต่ผ่านมา 1 ปีครึ่งยังชนะไม่ได้จนยุโรปดูถูกรัสเซีย ทำให้รัสเซียขู่จะใช้นิวเคลียร์ หากใช้แค่ 100 ลูกจะเกิดผลกระทบเป็นสงครามโลกแน่นอน อีกประเด็นที่ต้องจับตาคือ การต่อสู้ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่สหรัฐฯหยิบยกประเด็นไต้หวันขึ้นมา เพื่อทำให้จีนมีปฏิกิริยาตอบกลับในทางลบ วัตถุประสงค์เพื่อหยุดความร้อนแรงเศรษฐกิจจีน เพราะหากปล่อยให้จีนไล่ทันอนาคตจะเหนื่อย
ทั้งนี้ จากปัจจัยทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัว มีหูรูด มีแนวทางควบคุมการใช้จ่าย การบริหารหนี้ ไม่เช่นนั้นหากเกิดวิกฤตใดขึ้นจะทำให้ธุรกิจเกิดความลำบากจนส่งผลต่อสถานะของกิจการ โดยอมตะคือผู้พัฒนาเมือง พัฒนาพื้นที่รองรับอุตสาหกรรม ปัจจุบันลงทุนในไทย เวียดนาม ลาว เมียนมา ต้องวางแผนการทำธุรกิจที่รัดกุม ขณะนี้ยอดขายที่ดินของแต่ละประเทศเติบโตต่อเนื่อง แต่ที่ต้องจับตาคือเมียนมา จากผลกระทบการเมืองที่เกิดขึ้น จะเห็นว่าการเมืองมีผลต่อการลงทุน ซึ่งรวมถึงยอดขายที่ดินในประเทศไทยเช่นกัน