หุ้นดิ่ง 20 จุดรับเปิดซื้อขายวันแรก เจอแรงกังวลฉุดดัชนีหลุด 1,500 จุด
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวกสลับลบ โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,505.52 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,485.32 จุด ปรับลดลง 20.20 จุด หรือ 1.34% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,507.63 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,483.92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 40,108.08 ล้านบาท
โดย นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงประมาณ 1% กว่า ซึ่งมาจากปัจจัยความกังวลแวดล้อมในภูมิภาค ที่เห็นตลาดหุ้นอื่นในเอเชียที่เคลื่อนไหวบวกลบสลับกัน แต่ค่อนไปในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ บวกกับตลาดหุ้นยุโรปที่เปิดมาก็เป็นปรับตัวลดลงด้วย เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับดอกเบี้ยขึ้น และภาวะเงินเเฟ้อใมนฝั่งยุโรป ส่วนปัจจัยความกังวลในประเทศมี 2 เรื่อง คือ ความไม่ชัดเจนของการเมือง และความเชื่อมั่นที่ลดลงจากรณีหุ้นสตาร์คทำให้ตลาดหุ้นไทยยังอันเดอร์เพอร์ฟอร์มตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยขณะนี้ถือว่าอยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง แต่พอหลุดระดับจิตวิทยาที่ 1,500 จุด ก็ถือว่าจะเข้าสู่ขาลงมากขึ้นอีก แต่อาจไม่ได้เป็นระยะยาวมากนัก เพราะประเมินปัจจัยที่จะเข้ามาหักล้างกัน เป็นเรื่องผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยประจำไตรมาส 2/2566 ที่จะออกมาในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ บวกกับช่วงเวลานั้นน่าจะได้เห็นความชัดเจนของปัจจัยการเมืองมากขึ้น ทำให้ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ น่าจะดูดีขึ้นได้ โดยให้กรอบแนวรับที่ระดับ 1,475-1,480 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,495 จุด
“หุ้นสตาร์คมีผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นไทย กระทบกับหุ้นกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็ก แต่ก็ยังมีหุ้นที่สามารถเข้าสะสมได้ ในกลุ่มที่ผลประกอบการขึ้นกับลักษณะเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก พึ่งพิงสภาพเศรษฐกิจในประเทศน้อย หรือโกลบอล เพลย์ และคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ออกมาดี มูลค่าหุ้น (แวลูเอชั่น) ไม่แพง มีปันผลดี อาทิ บ้านปู พีเอสแอล เอสซีบี ซีพีออลล์ โอสถสภา แอลเอสเอฟจี เป็นต้น” นายณัฐพล กล่าว
