บสย.ลุย 3 ผลิตภัณฑ์ค้ำประกันปี 2560 วางเป้าวงเงิน 86,000 ล. ช่วยลูกค้าใหม่ 5 หมื่นราย

นายนิธิศ มนุญพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ในปี 2560 บสย.วางแนวทางการทำงานขับเคลื่อนโครงการค้ำประกันสินเชื่อใหม่ล่าสุด ค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี ทวีทุน อยู่ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อระยะที่ 6 (PGS6) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ของรัฐบาล วงเงิน 1 แสนล้านบาท เปิดใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559 และจะเป็นเรือธงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และช่วยผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี เข้าถึงสินเชื่อในปี 2560

ทั้งนี้ บสย.ยังได้เตรียมแผนดำเนินงานเพื่อให้การดำเนินพันธกิจ บสย. ตามแผนวิสาหกิจ ปี 2560 บรรลุเป้าหมาย ประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์หลักคือ 1.ขยายฐานเอสเอ็มอีทุกกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มรายย่อย ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนให้มากที่สุด ตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อ 86,000 ล้านบาท เพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ 54,080 ราย และตั้งเป้าอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ (LG) 73,600 LG 2.สนับสนุนความรู้ทางการเงิน แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 8,000 ราย 3.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายใน

นายนิธิศกล่าวว่า กลยุทธ์การตลาดของ บสย.ในปี 2560 มุ่งเน้นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเข้าถึงผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อกลุ่มต่างๆ ให้กับสถาบันการเงินและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ตอบโจทย์โรดแมป แผนงาน และนโยบายของรัฐบาลเป็นสำคัญ ทั้งไทยแลนด์ 4.0 สตาร์ตอัพ/อินโนเวชั่น ไมโคร และอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) ซึ่งปัจจุบัน บสย. ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ค้ำประกันสินเชื่อ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย

1.ผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ เอสเอ็มอี ทวีทุน หรือ PGS6 วงเงิน 1 แสนล้านบาท เป็นโครงการค้ำประกันสินเชื่อใหม่ล่าสุดของ บสย. ตามนโยบายรัฐบาล ไทยแลนด์ 4.0 และ New S-Curve เปิดตัวโครงการเมื่อ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา จะช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงสินเชื่อกับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ ครอบคลุมธุรกิจภาคการท่องเที่ยว บริการ เกษตร อาหาร เครื่องดื่ม โรงแรม และภาคการส่งออก โดยขณะนี้มีธนาคารได้เริ่มใช้โครงการแล้ว คิดเป็นวงเงินการค้ำประกันสินเชื่อกว่า 600 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม โครงการค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี ทวีทุน เป็นโครงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเชิญชวนผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีเข้าสู่ระบบฐานภาษี บสย. จึงต้องเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจ โดยจะเริ่มจัดกิจกรรมการตลาดตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2560 และจัดกิจกรรมให้ความรู้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

Advertisement

2.ผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อรายย่อย หรือไมโคร บสย. ให้การค้ำประกันสูงสุดต่อราย รายละไม่เกิน 2 แสนบาท รองรับผู้ประกอบการรายย่อย กลุ่มนาโนไฟแนนซ์ และกลุ่มพิโก ไฟแนนซ์ ผู้ให้บริการด้านสินเชื่อที่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท ซึ่งโครงการนี้จะต่อยอดการทำงานต่อเนื่องในปี 2560 มากขึ้น ในขณะเดียวกัน โครงการค้ำประกันสินเชื่อกลุ่มไมโครจะยังเป็นโครงการต่อเนื่องในปี 2560 เช่นกัน ซึ่งขณะนี้ บสย.และ 4 ธนาคารพันธมิตรหลัก คือ ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย ธนาคารทิสโก้ และธนาคารกรุงเทพ ยังร่วมกันให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีหน้าตลอดไตรมาส 1 และ 2 บสย.ทั้ง 11 สาขา จะร่วมกับธนาคารพันธมิตรจัดกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างการรับรู้โครงการสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อสร้างการรับรู้อย่างทั่วถึง

3.โครงการค้ำประกันผู้ประกอบการ สตาร์ตอัพ/อินโนเวชั่น สำหรับผู้ประกอบการอายุธุรกิจ 1-3 ปี บสย.ค้ำประกันสินเชื่อ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท และสำหรับนิติบุคคลไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันภาครัฐได้ให้ความสำคัญกับการดึงผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบฐานภาษี โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งขณะนี้รัฐบาลยังได้เชิญชวนเข้าสู่ระบบฐานภาษี โดยผ่อนคลายกฎระเบียบให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยสามารถจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจากเดิม 7 คน เหลือ 3 คน และเหลือเพียง 1 คน โดยการผ่อนคลายกฎระเบียบการจดทะเบียนนิติบุคคลนี้จะเป็นผลต่อเนื่องในการช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนนิติบุคคลแบบจัดตั้ง 1 คน โดย บสย.และธนาคารพันธมิตรจะร่วมมือกันเพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการเข้าระบบ เพื่อสิทธิประโยชน์อื่นๆที่จะได้รับจากรัฐบาลในอนาคต

นายนิธิศกล่าวว่า นอกจากนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการ สตาร์ตอัพ/อินโนเวชั่น เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น บสย.ยังได้ทำงานร่วมกับทั้งกระทรวงวิทยาศาสตร์ สวทช. วว. สนช. สำนักงานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ผ่านหน่วยงานซิป้า ร่วมกันขับเคลื่อนการส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรม และเทคโนโลยีให้มากยิ่งขึ้น ขณะนี้ บสย. ซิป้า กำลังอยู่ในระหว่างการพูดคุยกับ 3-4 สถาบันการเงิน เพื่อช่วยผู้ประกอบการให้เข้าถึงสินเชื่อโดยมี บสย.ค้ำประกัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image