‘ยูโอบี’ เผยแผนนโยบายขั้วรัฐบาลใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ

‘ยูโอบี’ เผยแผนนโยบายขั้วรัฐบาลใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม นายเอ็นริโก้  ทานูวิดฮาฮา นักเศรษฐศาสตร์ Global Economic and Market Research ธนาคารยูโอบี เปิดเผยถึงกรณีการจัดตั้งรัฐบาล ว่า สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลมองกรณีฐาน (Scenario) ที่ 2 มิติหลัก

1.ด้านแกนนำรัฐบาลต้องติดตามว่าจะเป็นพรรคใดที่ได้จัดตั้ง ถ้ามีโอกาสเป็นขั้วรัฐบาลเดิม หรือรัฐบาลรักษาการในปัจจุบัน จะเห็นการดำเนินนโยบายไม่ต่างจากเดิมมากนัก และการขาดดุลทางการคลังอยู่ที่ 3-4% ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงเดิม

และ 2.หากมีการจัดตั้งจากขั้วรัฐบาลใหม่ จะได้เห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เช่น การดำเนินนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท หรือมาตรการเกี่ยวกับสวัสดิการต่างๆ จะเพิ่มเข้ามาเป็นนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้การขาดดุลทางการคลังสูงขึ้น และส่งผลต่อฐานะทางการคลัง ดังนั้น จะเป็น 2 มิติที่แตกต่างกันของขั้วอำนาจทางการเมืองที่มีต่อเศรษฐกิจ

Advertisement

“อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดการขาดดุลทางการคลังเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้เชิงบวกต่อเศรษฐกิจได้ เพราะเป็นแผนที่ดีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีผลต่อการลงทุน แต่ในระยะยาวก็มีความท้าทายอื่นๆ ที่รออยู่ เช่น ประเทศไทยเข้าสู่ประชาชนสูงวัย เรื่องหนี้ครัวเรือนคงระดับสูง จะทำให้การใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปอย่างจำกัด” นายเอ็นริโก้ กล่าว

นายเอ็นริโก้ กล่าวว่า นอกจากนี้ เศรษฐกิจในระยะยาว มองว่าประเทศไทยมีโอกาสเติบโตและมีศักยภาพหลายด้าน เช่น

  1. อุตสาหกรรมการส่งออกอาหาร ซึ่งไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารที่ดี แม้ไทยจะเป็นผู้นำในด้านอาหาร แต่จำเป็นต้องผลักดันการส่งออกอาหารให้มากขึ้น
  2. ควรคว้าโอกาสการเติบโตในภาคเภสัชกรรม และการแพทย์ เนื่องจากประชากรผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  3. การสนับสนุนการทรานฟอร์มเมชั่นไปใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น เนื่องจากในอุตสาหกรรมนี้จะมีมูลค่าทางตลาดอยู่ 5 หมื่นล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า หากมีการพัฒนาในตลาดอีคอมเมิร์ซให้มากขึ้น จะสร้างมูลค่าและรายได้ให้เศรษฐกิจเช่นกัน
  4. โอกาสการกระจายฐานลงทุนเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) แม้เทียบกับประเทศอินโดนีเซีย ที่จะได้อานิสงส์การเป็นแหล่งผลิตแร่นิกเกิล เพื่อแบตเตอรีรายใหญ่ของโลก แต่ประเทศไทยสามารถสร้างการแข่งขันได้ เนื่องจากไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน มีกำลังการผลิตที่ดี และไทยมีซัพพลายเชนที่ใหญ่มาก ถ้าสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับตลาดอีวีที่กำลังโตได้ จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในภาพใหญ่มากขึ้น

“ซึ่งสิ่งสำคัญด้านการเมืองว่าจะมีเสถียรภาพและความชัดเจนเมื่อไหร่ เป็นเรื่องต้องติดตามหน้าตาของรัฐบาลไทยที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ซึ่งก็อยากให้เกิดการจัดตั้งโดยเร็ว” นายเอ็นริโก้ กล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image