ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2559 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศพระราชกําหนด พิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2559 โดยกฎหมายดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามข้อตกลงขององค์การ ศุลกากรโลกและเป็นภาคีอนุสัญญาระบบฮาร์โมไนซ์ขององค์การศุลกากรโลก ซึ่งตามอนุสัญญาดังกล่าวได้มี การปรับปรุงแก้ไขการจําแนกประเภทสินค้าตามระบบฮาร์โมไนซ์ ทุก 5-6 ปี เพื่อให้พิกัดศุลกากรของสินค้ามีความทันสมัย ชัดเจน สอดคล้องกับรูปแบบทางการค้า ระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี รวมทั้งเป็นกลไกในการติดตามข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคง ด้านอาหารของโลก การคุ้มครองสังคมและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ไทยซึ่งเป็นสมาชิกอาเซียน ได้ร่วมลงนาม และรับพิธีสารว่าด้วยการนําพิกัดศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียนมาใช้ ซึ่งพิธีสารดังกล่าวได้กําหนดให้ใช้พิกัดศุลกากร ในระดับ 8 หลักร่วมกัน สมควรแก้ไขเพิ่มเติมความในภาค 2 พิกัดอัตราอากรขาเข้า แห่งพระราชกําหนด พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2555
สำหรับกฎหมายดังกล่าวมีทั้งหมด 842 หน้า มีสินค้าที่เกี่ยวข้องกว่า 1 หมื่นรายการ บางรายการที่ต้องการให้ความคุ้มครองภาษีอยู่ 35-60% เช่น เนื้อสัตว์โคกระบือแช่แข็ง ภาษีนำเข้า 60% ปลาคาร์ป ปลาทอง ปลากัดไทย ปลาออสการ์ ปลาอะโรวานา ภาษี 60% ไม้ไผ่ นุ่น ต้นหวาย ภาษี 35% แต่ถ้าไม่ใช่ประเภทที่ต้องคุ้มครองภาษีลดหลั่นกันลงมามีตั้งแต่ระดับ เช่นระดับ 0-5% เช่น โค กระบือ มีชีวิต สำหรับทำพันธ์ ภาษี 0% ม้า ลาและล่อมีชีวิต ภาษี 5%
