จอดป้ายประชาชื่น : ระวังนักลงทุนหิ้วกระเป๋าหนี!

จอดป้ายประชาชื่น : ระวังนักลงทุนหิ้วกระเป๋าหนี! เรียกว่ายังเอาแน่เอานอนไม่ได้

เรียกว่ายังเอาแน่เอานอนไม่ได้กับการเมืองไทย แม้การเลือกตั้งผ่านไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม แต่เวลาล่วงเลยร่วม 2 เดือนยังไร้วี่แววโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ จะมีพรรคการเมืองใดเข้าร่วม “จัดตั้งรัฐบาล” บ้าง

หลังจากวันที่ 21 กรกฎาคม พรรคก้าวไกลแถลงการณ์ส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้เงื่อนไขการร่วมรัฐบาลจาก 8 พรรคการเมืองเดิม

แต่ทิศทางระส่ำระสาย เพราะการรวมเสียง 8 พรรคร่วม จำนวน 311 เสียง ขาดอีก 65 เสียง เพื่อให้ครบ 376 เสียง ต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 27 กรกฎาคม ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าเชื่อมสัมพันธ์กับพรรคอื่นๆ ที่สังคมต่างจับตาถึงสูตรการจับขั้วรัฐบาลอาจเปลี่ยนไป

กระนั้นด้วยบรรยากาศการเมืองที่มองยังไงก็จบยาก เป็นปัญหาที่ทำให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนสั่นคลอน และมีผลต่อเศรษฐกิจ

Advertisement

สะท้อนจาก เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่า การมีรัฐบาลเร็วหรือช้าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถ้าดูรายงานของเครดิตเรตติ้ง (บริษัทการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ) เป็นห่วงเรื่องความไม่แน่นอน และนโยบายของรัฐบาลไทยที่มีผลต่อความเชื่อมั่น ทั้งตลาดการเงิน ภาคธุรกิจ นักวิเคราะห์ อยากเห็นนโยบายการเงิน-การคลังกลับสู่ภาวะปกติ (Policy Normalization) ที่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างเสถียรภาพ มากกว่าการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจไทยขาดที่สุดคือการลงทุน โดยเฉพาะจากภาคเอกชน

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า ครึ่งแรกของปี 2566 (มกราคม-มิถุนายน) การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มีจำนวน 326 ราย เม็ดเงินลงทุน 48,927 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 3,222 คนต่อเดือน เทียบกับปี 2565 จำนวน 284 ราย เม็ดเงินลงทุน 69,949 ล้านบาท และจ้างงานคนไทย 3,173 คนต่อเดือน แม้จำนวนกิจการเพิ่ม แต่เม็ดเงินลงทุนและจ้างงานลดลง

สะท้อนว่า ถ้าการเมืองชัดเจน นักลงทุนจะมากขึ้น รวมถึงเม็ดเงินจะเพิ่มเข้าระบบเศรษฐกิจได้อีกเช่นกัน

Advertisement

ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะออกมาหน้าไหน ก็ขอให้ไม่ช้าเกินไปจนนักลงทุนหิ้วกระเป๋าหนี!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image