ตั้งรัฐบาลช้า ดอกเบี้ยขาขึ้น ฉุดกำลังซื้อค้าปลีก-อสังหาฯขายฝืด
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งและปลีกไทย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังซื้อค้าปลีกทั่วประเทศฝืดมากขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มระดับล่างๆ เพราะไม่มีเงิน แต่ระดับกลาง-บนยังพอไปได้ เพราะมีรายได้ประจำ แต่ไม่คึกคักเหมือนเมื่อก่อน
นายสมชายกล่าวว่า ส่วนการที่รัฐบาลประกาศวันหยุดเพิ่มเป็น 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 กรฎาคม-2 สิงหาคมนี้ จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อต่างจังหวัดได้ระดับหนึ่ง เพราะคนเดินทางไปท่องเที่ยว ซื้อของกลับบ้านต่างจังหวัด แต่ไม่ได้อู้ฟู่ เพราะเงินในกระเป๋าของคนมีไม่มาก และไม่มีมาตรการอะไรมากระตุ้น
“การเมืองยังไม่นิ่ง เลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรี การตั้งรัฐบาลลากยาว จะกระทบกำลังซื้อยิ่งซบเซาหนักมากขึ้น แต่ถ้าตั้งรัฐบาลได้เร็ว มีการเติมเงินให้กับประชาชน คงช่วยให้กำลังซื้อดีขึ้นบ้างปลายปีนี้”นายสมชายกล่าว
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า การเมืองไม่นิ่ง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่ชัดเจน กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนชะงัก จะส่งผลกระทบไปถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ละล้าละลังตามไปด้วย เพราะภาคเอกชนจะรอดูนโยบายจากรัฐบาลใหม่ที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการแก้ปัญหาภาวะหนี้ครัวเรือน หากมีการลากยาวออกไปเป็น 10 เดือนจะยิ่งแย่มากขึ้น ไม่เกิดการลงทุนใหม่ๆ
“เมื่อไม่มีความชัดเจนเรื่องรัฐบาล นโยบาย คนเลยไม่รู้จะลงทุนยังไงจากความไม่ลงตัวของนโยบายที่ผสมผสานกันหลายพรรค ส่วนมู้ดการซื้อที่อยู่อาศัย ปัจจุบันจากภาวะหนี้ครัวเรือนสูงทำให้ความต้องการและกำลังซื้อไม่ไปด้วยกัน จึงทำให้ตลาดไม่ดีอย่างที่คิดไว้ แม้ไตรมาส1และไตรมาส2 การโอนกรรมสิทธิ์ยังดี”นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าววา แต่ไตรมาส3และไตรมาส4 ถ้าไม่มีรัฐบาล ไม่มีมาตรการกระตุ้น มีโอกาสที่ตลาดจะไม่เติบโตอย่างที่คิด ยิ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นอีก จะกดดันกำลังซื้อในตลาดมากขึ้น ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยทุกครั้ง กระทบต่อภาคอสังหาฯ ทั้งผู้ประกอบการที่ต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น และผู้ซื้อทำให้ได้วงเงินกู้ลดลง ภาระผ่อนเพิ่มขึ้น 350-400 บาท เมื่อดอกเบี้ยปรับขึ้นทุก 0.25%
