ผู้เขียน | วิณัฐฏาภรณ์ ศิริโสม |
---|
การจัดตั้งรัฐบาลที่มีแนวโน้มล่าช้าออกไปอาจไม่ทันเดือนสิงหาคมนี้ และมีการประเมินว่าอาจได้เห็นหน้าตารัฐบาลใหม่ล่วงเลยไปปลายเดือนกันยายน ได้สร้างหวาดหวั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจและในภาคส่วนอื่นๆ ด้วย
บรรยากาศประเทศเวลานี้ ประชาชนส่วนใหญ่ต่างรอการปรากฏตัวของนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หลังจากเลือกตั้งผ่านไปเกือบจะ 4 เดือน แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่มีความชัดเจนออกมาว่ารัฐบาลจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร รวมถึงใครจะมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แม้จะมีพรรคชนะการเลือกตั้งด้วยจำนวน ส.ส.ที่มากสุดเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
โดยเฉพาะฟากฝั่งภาคธุรกิจและภาคการลงทุนต่างรอความชัดเจน เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดรับกับนโยบายรัฐ เมื่อยังไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามา นโยบายการขับเคลื่อนจึงว่างเปล่า ประเทศเสียโอกาส
เกาะติดตลาดหุ้นไทย พบว่าปัจจัยการเมืองไทยมีส่วนกดดันตลาดหุ้นมากสุด สะท้อนจากเมื่อมีข่าวดีลล่มเกิดขึ้น ทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงในวันเดียวกว่า 21 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ (บล.) ดาโอ (ประเทศไทย) มีมุมมองว่า หากการเมืองจบลงได้ด้วยดี หรือมีรัฐบาลเร็วที่สุดจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด
เพราะผลจากความล่าช้าของการตั้งรัฐบาล ส่งผลกระทบโดยตรงต่องบประมาณประจำปี 2567 ที่เชื่อมโยงกับงบลงทุนโครงการใหม่ซึ่งเป็นการลงทุนของภาครัฐ มีน้ำหนักในการคำนวณการเติบโตของจีดีพีไทยด้วย โดยจีดีพีไทยสะท้อนระดับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศว่าจะโตมากหรือน้อย และความกินดีอยู่ดีของประชาชนในประเทศขึ้นอยู่กับตัวเลขนี้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เมื่อการเลือกตั้งเสร็จและผ่านพ้นไปหลายเดือนแล้ว ประเทศไทยก็ควรได้นายกฯคนใหม่เพื่อเร่งบริหารประเทศ รวมถึงแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในหลายเรื่องที่รออยู่
โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร แม้โควิดจะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม!!