นักลงทุน รอความชัดเจนจัดตั้งรัฐบาล หนุนตลาดการเงินไทย

นักลงทุน รอความชัดเจนจัดตั้งรัฐบาล หนุนตลาดการเงินไทย

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.03 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.95-35.20 บาทต่อดอลลาร์

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในลักษณะ sideway up (แกว่งตัวในช่วง 34.98-35.07 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว รวมถึงการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off)

นายพูนกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทในระยะสั้น เงินบาทอาจยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเผชิญทั้งภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ที่หนุนให้เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ที่ยังคงกดดันให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทย นอกจากนี้ การย่อตัวลงของราคาทองคำก็ยังเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หากเงินบาทไม่ได้อ่อนค่าทะลุระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ไปไกลมาก ก็อาจสะท้อนว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือเพิ่มสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่า) ในโซนดังกล่าว ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาท อาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยเราประเมินแนวต้านในโซน 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแถว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ และหากเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ (ซึ่งคาดว่าต้องเห็นความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลก่อน) ยังคงประเมินโซน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับสำคัญ

Advertisement

แม้ว่าในวันนี้อาจมีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญไม่มากนัก และผู้เล่นในตลาดอาจรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐในวันพฤหัสฯ ทว่า ผู้เล่นในตลาดควรระมัดระวังความผันผวนในฝั่งตลาดค่าเงินเอเชียที่อาจเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของจีน (ในช่วงราว 8.30 น.) โดยผู้เล่นในตลาดอาจตอบรับในเชิงบวก ต่อรายงานอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงได้ (Bad News = Good News for the markets)

จากความหวังว่า ทางการจีนอาจเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งต้องจับตาใกล้ชิดว่า ตลาดการเงินจะตอบรับในเชิงบวกได้จริงตามที่คาดหรือไม่ โดยหากผู้เล่นในตลาดตอบรับในเชิงบวกก็อาจหนุนให้บรรยากาศในตลาดการเงินฝั่งเอเชียเริ่มเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้และอาจช่วยชะลอการอ่อนค่า หรือหนุนให้สกุลเงินเอเชียรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้บ้าง

“ช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและบรรยากาศในตลาดการเงินที่อาจพลิกไปมาในช่วงนี้ ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน” นายพูนกล่าว

Advertisement

นายพูนกล่าวว่า ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหว sideway โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ก่อนที่จะย่อตัวลงบ้าง หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บางส่วนเริ่มส่งสัญญาณว่า เฟดอาจหยุดการขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวใกล้ระดับ 102.5 จุด ทั้งนี้ เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังคงแกว่งตัว sideway เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐในวันพฤหัสฯนี้

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนกรกฎาคม โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมองว่า เศรษฐกิจจีนอาจเข้าสู่ภาวะเงินฝืดได้อีกครั้ง ตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ยังซบเซาอยู่ สะท้อนผ่านอัตราเงินเฟ้อ CPI ที่จะลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ -0.4% อย่างไรก็ดี ภาพดังกล่าวอาจยิ่งเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะสามารถใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ร่วมกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีขึ้น

“ส่วนในฝั่งไทย เรามองว่า ยังคงต้องจับตาสถานการณ์การเมืองต่อ เพื่อประเมินแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลผสมว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร โดยตลาดการเงินไทยอาจกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้ หากการจัดตั้งรัฐบาลผสมมีความชัดเจนมากขึ้น” นายพูนกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image