คาดครึ่งปีหลัง NPL ออกสู่ตลาดกว่า 1.1 แสนล. “KCC” ตุนเงินซื้อหนี้

คาดครึ่งปีหลัง NPL ออกสู่ตลาดกว่า 1.1 แสนล. “KCC” ตุนเงินซื้อหนี้

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC เปิดเผยว่า งวด 6 เดือนแรก ของปีบริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,221.2 7 ล้านบาท เพิ่มจากสิ้นปี 2565 จำนวน 494.71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.65% เป็นผลจากการที่บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้โดยได้ลงทุนซื้อหนี้ใหม่เพิ่มเข้ามา รวมกว่า 183.88 ล้านบาทและบริษัทได้ออกหุ้นกู้ 500 ล้านบาท ทำให้รายการเงินฝากในธนาคารเพิ่มขึ้น 267.90 ล้านบาท และเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับสุทธิเพิ่มขึ้น 208.93 ล้านบาท จากการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มเข้ามา

นายทวี กล่าวว่า บริษัทมีส่วนของเจ้าของหรือส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,131.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2565 จำนวน 36.40 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน โดยงวด 6 เดือน และไตรมาส 2 ของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 49.53 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 20.62 ล้านบาท ตามลำดับ ลดลงเมื่อเปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน เกิดจากการลดลงของกำไรจากการขายทรัพย์สิน รอการขายที่ลดลงเพราะในงวดไตรมาส 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรจากการขายเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้จำนวน 57.61 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้เพิ่มขึ้นโดยงวดงวดครึ่งปีแรกของปี 2566 รายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้สุทธิ 69.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.34 ล้านบาท หรือ 276.17% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้เพิ่มขึ้น สำหรับลูกหนี้ที่รับโอนเข้ามาใหม่ระหว่างปี 2565 และไตรมาส 1 ปีนี้ แม้ว่าค่าใช้จ่ายจากดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นจากการออกหุ้นกู้เพื่อลงทุนซื้อ สินทรัพย์ด้อยคุณภาพก็ตาม

“บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการเข้าประมูลซื้อหนี้โดนเน้นหนี้ที่มีความชำนาญและยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับ 77.5 %” นายทวีกล่าวและว่า สำหรับทิศทางครึ่งหลังของปียังคงเดินหน้าลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 900 ล้านบาท และประเมินว่าปีนี้ทั้งปีสถาบันการเงินจะนำหนี้ออกมาประมูล ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท และบริษัทก็มีความพร้อมเข้าประมูลเพราะได้เตรียมสภาพคล่องไว้รองรับแล้ว ส่วนเป้าหมายรายได้ใน 3 ปี (2567-2569) เติบโตเฉลี่ยปีละ 30% จากปีนี้คาดรายได้เติบโต 30% มูลค่าพอร์ตลงทุนอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image