สูงวัย บุกคลัง ค้านรื้อแจกเบี้ยคนชรา ชี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องได้รับ
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานคณะกรรมการบริหารพีมูฟ และนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) ได้นำกลุ่มผู้รับเบี้ยผู้สูงอายุหรือเบี้ยคนชรา ราว 50 คน มายื่นหนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อคัดค้านการรื้อหลักเกณฑ์การแจกเบี้ยคนชราต่อกระทรวงการคลัง โดยมีนายชาญวิทย์ นาคบุรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นผู้รับหนังสือ และจะประสานงานเพื่อหารือทางออกร่วมกันต่อไป
นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ เครือข่ายรัฐวิสาหกิจเพื่อความเท่าเทียม กล่าวว่า สิทธิการรับเบี้ยคนชรา เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทยทุกคน เมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไป ควรได้รับเงินเบี้ยยังชีพคนชรา ส่วนคนชราคนใดไม่รับสิทธิก็สามารถสละสิทธิตนเองได้ กระทรวงการคลังไม่ควรนำไปรวมกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน เนื่องจากเป็นคนละกลุ่มเป้าหมายกัน โดยเบี้ยคนชราที่ได้รับ 600-1,000 บาทต่อเดือน ตามช่วงอายุนั้น ไม่มีการปรับอัตรามาเป็นเวลา 13 ปีแล้ว ปัจจุบันมีคนชราที่รับเบี้ยยังชีพมีราว 11 ล้านคน หากตัดสิทธิการแจกเบี้ยคนชราเฉพาะที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมีเพียง 5 ล้านคนเท่านั้น ส่วนอีก 6 ล้านคน จะถูกตัดสิทธิทันที
นายนิติรัตน์กล่าวว่า ทั้งนี้ หากกระทรวงการคลังต้องการปรับลดค่าใช้จ่าย ควรจะไปปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงินเบี้ยผู้สููงอายุ หากปรับลดงบประมาณส่วนอื่นลงไม่ได้ ควรดำเนินการเร่งรัดการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพ เช่น การจัดเก็บภาษีกำไรจากขายหุ้น ภาษีความมั่งคั่ง ภาษีที่ดินที่ใช้ประโยชน์ไม่เต็มศักยภาพ อาทิ การนำที่ดินในเมืองหลวงไปปลูกกล้วย เป็นต้น
“ผมไม่เข้าใจกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ สิ่งที่ควรทำไม่ทำ เช่น การจัดเก็บภาษีความมั่งคั่ง ภาษีกำไรจากการขายหุ้น แต่จะทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ คือ ลดเบี้ยคนชรา ซึ่งต้องเป็นสิทธิประชาชนถ้วนหน้า ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ จัดลำดับความสำคัญของการใช้เงินงบประมาณด้วย เพื่อให้การใช้เงินงบประมาณอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ” นายนิติรัตน์กล่าว
