โออาร์ เลือกกัมพูชาบ้านหลัง 2 ผุดคลังน้ำมัน-แอลพีจี มั่นใจไตรมาส 4 ไม่ขาดทุน

โออาร์ เลือกกัมพูชาบ้านหลัง 2 ผุดคลังน้ำมัน-แอลพีจี มั่นใจไตรมาส 4 ไม่ขาดทุน

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ไตรมาส 4 ปีนี้ มั่นใจ 100% ว่าธุรกิจจะไม่ขาดทุนเหมือนปีที่ผ่านมาแน่นอน โดยการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยต่าง ๆ อาทิ สภาพเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตทั้งจากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว มองว่าผลดำเนินงานครึ่งปีหลังในกลุ่มธุรกิจ Mobility จะปรับตัวดีขึ้นตามการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle โดยเฉพาะคาเฟ่ อเมซอน ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากแผนการขยายสาขา เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Global ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคนี้หลังจากโควิด ช่วยให้ปริมาณขายน้ำมันและคาเฟ่ อเมซอน เติบโตขึ้นในทุกประเทศเป็นสัญญาณบวก

สำหรับการขับเคลื่อนกลยุทธ์ขยายธุรกิจในกลุ่มธุรกิจ Global จะมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ OR ดำเนินการอยู่ โดยเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ และร่วมกับพันธมิตรในการขยายธุรกิจออกไปในต่างประเทศ ตลอดจนหาโอกาสในการสร้างการเติบโตผ่านการลงทุนใหม่ในรูปแบบต่างๆ ที่มีศักยภาพ โดยประเทศยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญของ OR คือประเทศกัมพูชาที่เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 รองจากประเทศไทย

โดยOR จะมุ่งแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกันในการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างมั่นคง และได้เริ่มนำแบรนด์ไทยที่มีศักยภาพไปทดลองในตลาดต่างประเทศแล้ว อาทิ แบรนด์อ๊อตเทริ วอชแอนด์ดราย (Otteri wash&dry) ไปเปิดสาขาแรกใน PTT Station สาขา Chbar Ampov ถือเป็นการนำพันธมิตรของ OR ไปบุกเบิกตลาดร้านสะดวกซักในประเทศกัมพูชา เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบของผู้บริโภค และยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจให้กับเครือข่ายสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ในประเทศกัมพูชาที่ปัจจุบันมีอยู่ที่ 170 แห่ง

Advertisement

“จีดีพีเพื่อนบ้านเรายังเติบโตได้อีก OR จึงต้องพยายามหาสินค้าใหม่ ๆ เพื่อขยายตลาดมากขึ้น และจะเป็นตลาดเสรี สามารถแข่งขันโดยการนำเข้าได้ เรามีพีทีที 170 สาขา จึงคิดว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาดที่ดี ซึ่งธุรกิจในกัมพูชาถือว่ามีการเติบโตที่ดี จึงโฟกัสเป็นบ้านหลังที่ 2 ดังนั้น OR จะลงทุนอินฟราสตรัคเจอร์เพื่อเช่าที่ดินสร้างคลังน้ำมันกับ LPG ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท โดยตลาด LPG จะเน้นอุตสาหกรรมเป็นองคาพยพ

นอกจากนี้ จากการที่ OR ได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ได้รับอนุญาติเป็นผู้ให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในรูปแบบการร่วมลงทุนในบริษัทร่วมค้า (Joint Venture) ซึ่งขณะนี้ก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จประมาณ 80% แล้ว คาดว่าปีหน้าจะเปิด ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายจากการที่ปีหน้า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันด้วย จึงเห็นว่าการเจริญเติบโตจะมั่นคง ทั้งธุรกิจโฮเทลและน้ำมันเครื่องบิน

“ครึ่งปีหลังจะต้องจับตามองสภาพคล่องสหรัฐ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ความขัดแย้งของประเทศมหาอำนาจที่จะมีผลต่อราคาน้ำมันที่หลีกเลี้ยงไม่ได้ เพราะเราทำธุรกิจซื้อขายน้ำมันทำงานเกี่ยวเนื่องกับรัฐบาลดูแลผู้บริโภค ดังนั้น รายได้จะสะท้อนมาจากราคาน้ำมัน ปีที่แล้วราคาดูไบเฉลี่ยที่กว่า 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปีนี้เฉลี่ย 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อคำนวณคงเทียบกับปีที่แลัวไม่ได้ ปีนี้จึงต้องพยายามทำรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการ”นายดิษทัตกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image