ในบรรดารถอเนกประสงค์หรู 7 ที่นั่งแบบรถตู้ ต้องบอกว่า อัลพาร์ด และ เวลไฟร์ มียอดขายได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มที่บ้านเราเรียกว่ารถตู้หรู
แต่ในญี่ปุ่นถ้ารถตู้หรูจริงๆ ต้อง เลกซัส รุ่นแอลเอ็ม ถ้าเป็น 2 รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นปกติ มีใช้เป็นรถทั่วไป แต่เมืองไทยใส่อุปกรณ์ตกแต่งซะหรูหราหมาเห่าเลยทีเดียว จึงจัดในกลุ่มรถตู้หรู
ความต่างระหว่างแฝดพี่รุ่นอัลพาร์ดจะเน้นภายนอกเรียบ ภายในหรูกว้างขวาง ส่วนแฝดน้องรุ่นเวลไฟร์ ภายนอกออกแนวสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ภายในเรียบขรึม
ล่าสุด บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ฤกษ์เปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุด ทั้ง อัลพาร์ด หรือ อัลฟาร์ด แล้วแต่จะเรียก และเวลไฟร์ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ผ่านช่องทางออนไลน์
รุ่นนี้ถือว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 พัฒนาให้หรูหราสะดวกสบายขึ้น ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบภายในจากการนั่งเครื่องบินส่วนตัวพื้นที่กว้างขวาง เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เลานจ์ (Executive Lounge) แยกอิสระปรับได้ 10 ทิศทาง เบาะรองน่องปรับไฟฟ้า และระบบนวด (Massage Relaxation) ที่ควบคุมผ่านแท็บเล็ต (Detachable Tablet) หลังคา ทวิน มูนรูฟ (Twin Moonroof) พร้อมด้วยไฟตกแต่งภายใน (Ambient Illumination Light) ปรับได้ 64 สี หนังแท้ (Premium Nappa) ตกแต่งภายใน ด้วยลายไม้แบบ อูซูราโมคุ (Uzuramoku)
หน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว รองรับ แอปเปิล คาร์เพลย์ แบบไร้สาย ลำโพง เจบีแอล 15 ตำแหน่ง จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว
มี 3 สีพิเศษ ขาว แพลทินัม ไวท์ เพิร์ล ใหม่ พรีเชียส เมทัล (Precious Metal) ใหม่ และสีดำ มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่
อัลพาร์ด 2.5 ไฮบริด (ALPHRAD 2.5 HEV) ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ไฟหน้าและไฟท้ายแบบแอลอีดี พร้อมไฟเลี้ยวแบบซีเควนเชียล เหมือนไฟวิ่ง หลังคา ทวิน มูนรูฟ แบบคู่ ฝาท้ายเปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย
ภายใน เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระ ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่อง ปรับไฟฟ้า ระบบนวด และระบบพัดลมใต้เบาะ (Seat Ventilator) ควบคุมผ่านแท็บเล็ต
คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ ซุปเปอร์–ลอง โอเวอร์เฮด คอนโซล (Super-long Overhead Console) พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว มีสมาร์ท คอมฟอร์ต โปรแกรม (Smart Comfort Program) สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง มีม่านบังแดด ปรับไฟฟ้า จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ (HUD) หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง และระบบเชื่อมต่อ ที–คอนเน็กต์ เชื่อมต่อ แอปเปิลคาร์เพลย์ แบบไร้สาย
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม นาโน เอ็กซ์ สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า
สีเบาะภายในสีเบจ Neutral Beige (สำหรับสีรถภายนอก ขาว ไวท์ เพิร์ล และดำ) และสีภายในสีดำ (สำหรับสีรถภายนอก พรีเชียส เมทัล)
เครื่องยนต์ไฮบริด A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร Dual VVT-i กำลังรวมสูงสุด 250 PS และประหยัดน้ำมันได้ถึง 17.9 กม.ต่อลิตร* (*อ้างอิงจาก eco sticker)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ ออลวีลไดรฟ์เทคโนโลยี อี–โฟร์ (E-Four) ใหม่ โครงสร้างสถาปัตยกรรม TNGA เพื่อการทรงตัว เกาะถนนที่ดี ระบบความปลอดภัย โตโยต้า
เซฟตี้ เซนส์ (Toyota Safety Sense) เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง กล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor) ราคา 4,129,000 บาท
รุ่น เวลไฟร์ 2.5 ไฮบริด (VELLFIRE 2.5 HEV) ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์พิเศษเฉพาะ VELLFIRE พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential กันชนหน้าและหลังดีไซน์พิเศษเฉพาะ VELLFIRE หลังคา Twin Moonroof ฝาท้ายเปิด–ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย
ภายในเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระ ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด และระบบปรับอากาศที่เบาะ ควบคุมผ่านแท็บเล็ต
คอนโซลด้านบนห้องโดยสาร พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง และม่านบังแดดปรับไฟฟ้า เหมือนรุ่นแรก
จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ (HUD) หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ระบบนำทาง และระบบเชื่อมต่อ T-Connect การเชื่อมต่อ แอปเปิล คาร์เพลย์ แบบไร้สาย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม นาโน เอ็กซ์ สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า สีเบาะภายในสีดำ
เครื่องยนต์ไฮบริด A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร Dual VVT-i กำลังรวมสูงสุด 250 PS และประหยัดน้ำมันได้ถึง 17.9 กม.ต่อลิตร* (*อ้างอิงจาก eco sticker) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD เทคโนโลยี E-Four ใหม่ โครงสร้างสถาปัตยกรรม TNGA ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง ราคา 4,279,000 บาท
และ รุ่นอัลพาร์ด ไฮบริด ลักชัวรี่ (ALPHARD 2.5 HEV LUXURY) มาแบบเฟิร์สต์คลาสล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว สัญลักษณ์ Executive Lounge ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว หลังคา ฝาท้ายเปิด–ปิด เหมือนทั้งสองรุ่น
ภายใน เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกปรับได้ 10 ทิศทาง เบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่านแท็บเล็ต เหมือนกันทุกอย่าง แต่รุ่นนี้มีโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้ ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยลายไม้
สีเบาะภายในสีดำ (สำหรับสีรถภายนอก Platinum White Pearl และ Black) และสีภายในสีน้ำตาล (สำหรับสีรถภายนอก Precious Metal)
พิเศษ เพิ่มวัสดุบุนุ่มภายในห้องโดยสาร ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม นาโน เอ็กซ์ สำหรับห้องโดยสารตอนหน้าและหลัง
คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง ม่านบังแดดปรับไฟฟ้าเหมือนกัน
จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ (HUD) หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ระบบนำทาง Navigator และระบบเชื่อมต่อ T-Connect การเชื่อมต่อ แอปเปิล คาร์เพลย์ แบบไร้สาย เหมือนกัน
เครื่องยนต์ไฮบริด A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร Dual VVT-i กำลังรวมสูงสุด 250 PS และประหยัดน้ำมันได้ถึง 17.9 กม.ต่อลิตร* (*อ้างอิงจาก eco sticker)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD เทคโนโลยี E-Four ใหม่ โครงสร้างสถาปัตยกรรม TNGA
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง กล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor) ราคา 4,499,000 บาท
นอกจากนี้ ถ้ายังหรูและสปอร์ตไม่พอ สามารถเพิ่มความสปอร์ตแบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยชุดแต่ง โมเดลลิสตา (MODELLISTA)
ALPHARD MODELLISTA ประกอบด้วยอุปกรณ์ตกแต่งกระจังหน้า “สเกิร์ตหน้า–สเกิร์ตข้างซ้าย–ขวา สเกิร์ตหลัง และสัญลักษณ์
Modellista ด้านท้ายรถ ราคา (รวมค่าติดตั้ง) 149,000 บาท
VELLFIRE MODELLISTA ประกอบด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งสเกิร์ตหน้า–สเกิร์ตข้างซ้าย–ขวา–สเกิร์ตหลัง อุปกรณ์ตกแต่งท่อไอเสีย และสัญลักษณ์ Modellista ด้านท้ายรถ ราคา (รวมค่าติดตั้ง) 169,000 บาท
เชื่อว่ารุ่นนี้ก็จะยังคงขายดีต่อไป โดยเฉพาะบรรดากลุ่มลูกค้าผู้บริหาร นักธุรกิจ นักการเมือง อีกไม่นานคงได้เห็น ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรใช้กันหลายคนแน่นอน เพราะรุ่นก่อนก็วิ่งกันเกลื่อนสภา
นายพล