เอกชนขอ ‘รมต.สดใหม่’ รู้ทันโลกฟื้น ศก. เร่งผุดมาตรการอุ้ม ปชช. ปลุกเชื่อมั่นทุนต่างชาติ

เอกชนขอ ‘รมต.สดใหม่’ มือโปร-รู้ทันโลกฟื้น ศก. เร่งผุดมาตรการอุ้ม ปชช. ปลุกเชื่อมั่นทุนต่างชาติ จี้บูมท่องเที่ยวรับไฮซีซั่น

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 22 สิงหาคมนี้ว่า ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อยากให้การโหวตนายกฯครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ได้นายกรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อเดินหน้างานโครงการและนโยบายต่างๆ ที่ได้หาเสียงไว้ช่วงเลือกตั้งให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อเนื่อง

นายแสงชัยกล่าวว่า ส่วนสเปกคณะรัฐมนตรีนั้น ขอย้ำว่ารัฐมนตรีที่อยากได้ โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจ ขอให้เป็นคนที่มีความทันสมัย มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ เข้ามาช่วยกำหนดทิศทางของประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ แข่งขันกับต่างชาติได้ อยากเห็นรัฐบาลและรัฐมนตรีสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน รวมถึงเกษตรกร รับฟังและนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ไปปรับในมาตรการของรัฐบาล ตอบโจทย์ความต้องการหรือปัญหาของผู้ประกอบการจริงๆ

“ขอเป็นคนทันสมัย ทำงานรวดเร็ว ทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าภาคราชการ ภาคเอกชน ได้เป็นอย่างดี ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฐานราก และผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม” นายแสงชัยกล่าว

ขณะที่ นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการฟอร์มรัฐบาลภายใต้แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า การจัดตั้งรัฐบาลจากการแบ่งกระทรวง ในเบื้องต้นสิ่งที่เอกชนอยากเห็นคือการเลือกผู้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่มีความรู้ เข้าใจปัญหา มีภาพลักษณ์ที่ดี กรณีคนเคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบันแล้วสอบไม่ผ่าน หรือผลงานไม่ได้ ไม่ควรเลือกเข้ามาเป็นอีก เพราะอาจส่งผลให้การขับเคลื่อนนโยบายวนกลับที่เดิม หรือไม่สามารถดันเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นอย่างที่ทุกภาคส่วนหวังไว้ได้ การคัดเลือกคนเป็นรัฐมนตรีแต่ละพรรค อยากเห็นความสดใหม่ เพื่อมาแก้ปัญหาเพื่อส่วนรวม แต่ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วทำไว้ได้ดี ทางพรรคจะเลือกให้อยู่ต่อเนื่องก็ได้ หากมีผลงานจนสอบผ่านได้จริง แต่ทางที่ดีสเปกรัฐมนตรีควรเป็นคนมองเห็นปัญหาของส่วนรวมเป็นเรื่องแรก ไม่ใช่เลือกคนมองเห็นเรื่องส่วนตัว

ADVERTISMENT

ส่วน นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้ภาพรวมดีขึ้น ต้องการให้จัดตั้งเร็วที่สุด ส่วนเรื่องนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือช่วยลดภาระประชาชนที่พรรค พท.ทยอยปล่อยออกมานั้นยังต้องดูรายละเอียดว่าตรงกับผู้ได้รับความเดือดร้อนมากน้อยเท่าใด ต้องหาวิธีให้รายที่มีโอกาสน้อยสามารถได้รับประโยชน์จากการช่วยเหลือมากขึ้น รวมถึงที่มาของเงิน ไม่ควรมีผลกระทบกับภาคธุรกิจที่กำลังพยายามฟื้นตัวในขณะนี้ ประเมินว่านโยบายที่ออกมา แม้บอกว่าทำทันทีแต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน ผลจะเกิดในปี 2567 มากกว่า ทำให้ปี 2566 ช่วงเดือนที่เหลือนี้เราต้องรักษาฐานการส่งออก สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างประเทศ อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะจะเข้าช่วงฤดูการท่องเที่ยว หรือไฮซีซั่นแล้ว ส่วนที่เหลือภาคเอกชนพร้อมช่วยผลักดันอย่างเต็มที่