จอดป้ายประชาชื่น : อัดยาแรงโหม‘ท่องเที่ยวไทย’

จอดป้ายประชาชื่น : อัดยาแรงโหม‘ท่องเที่ยวไทย’ ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี

ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือในตอนนี้คือ การทำงานอย่างเต็มรูปแบบของรัฐบาลใหม่ ที่จะได้ชิมลางกันในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกในต้นเดือนกันยายนนี้

ภาคเอกชนคาดหวังว่าการเข้ามาของนายกฯ ในฐานะที่เคยเป็นภาคเอกชนมาก่อน น่าจะเข้าใจปัญหาและอุปสรรคที่เอกชนต้องเผชิญ ทำให้การบริหารประเทศคงปลดล็อกหลายอย่าง ที่ช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้

รวมถึงภาคการท่องเที่ยวและบริการ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะช่วงที่เหลือของปี 2566 นี้ ถือเป็นเครื่องยนต์ความหวังเดียวในการขยับเศรษฐกิจไทยให้ไปต่อได้ หลังจากการส่งออกดูไม่สดใสเท่าที่ควร

การท่องเที่ยวกำลังเข้าใกล้ช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) อีกครั้งของทุกปี โดยเฉพาะต้นเดือนตุลาคม ตรงกับช่วงวันชาติจีน และเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องของชาวจีน กิจกรรมส่วนใหญ่ถือเป็นโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ประเทศไทยติดประเทศต้นๆ ที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวจีนจะเดินทางมาท่องเที่ยว

Advertisement

ดังนั้น เมื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แสดงความฟิตผ่านการลงพื้นที่พบเจอพี่น้องประชาชน รวมถึงภาคเอกชนในการท่องเที่ยว นำโดยจังหวัดท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ต ได้ประกาศชัดเจนถึงแนวทางในการกระตุันการท่องเที่ยวไทย เริ่มด้วย มาตรการฟรีวีซ่า เป็นการยกเว้นการขอวีซ่าเข้ามาเที่ยวไทยในประเทศฐานลูกค้าหลัก อย่างจีน อินเดีย เป็นต้น ไม่ได้เป็นเพียงการยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นขอวีซ่าเหมือนที่เคยทำมา

เรียกว่าเป็นการฉีดยาแรงแบบเต็มโดส ที่ภาคเอกชนต้องการได้เห็นอยู่แล้ว รวมถึงการอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการขอวีซ่าเข้าไทยด้วย ต้องใช้เวลาไม่เกิน 3-5 วัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่วางแผนท่องเที่ยวแบบใช้เวลาตัดสินใจสั้นลงตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปหลังโควิด-19 ระบาด สามารถเลือกเข้ามาเที่ยวไทยได้ ไม่ใช่ว่าเมื่อตัดสินใจเร็วๆ ก็ต้องไปเที่ยวที่อื่นแทน เพราะระยะเวลาอนุมัติวีซ่าเข้าไทยไม่สัมพันธ์กัน

จึงอยากเห็นการทำควบคู่กันไป ทั้งการอัดยาแรงเพื่อรักษาโรคให้ดีขึ้นแบบทันตาก่อน และการจ่ายยาให้อาการคงที่จนหายขาดด้วย

Advertisement

ถือเป็นการวัดฝีมือและรับน้องรัฐบาลใหม่แบบรวดเดียว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image