บอร์ดยาง มุ่งพัฒนาวิจัยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ‘สายพันธุ์’ เกษตรกรปลื้มน้ำยางเพิ่มเท่าตัว

บอร์ด กยท. ขานรับนโยบาย เศรษฐา 1 พัฒนางานวิจัย เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เกษตรกรปลื้ม 4 ปีกรีด น้ำยางเพิ่มเท่าตัว

เมื่อวันที่ 7 กันยายน ดร.กวีฉัฏฐ ศีลปพิพัฒน์ ประธานกรรมการ กยท. พร้อมด้วย นายวีรวัฒน์ ยมจินดา นายสำเริง แสงภู่วงค์ กรรมการการยางแห่งประเทศไทยทางการค้าและอุตสาหกรรม นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ดร.กฤษดา สังข์สิงห์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาง และผู้แทนสำนักงานที่ปรึกษาเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม ร่วมเจรจาและจับมือการพัฒนางานวิจัยด้านต้นน้ำ กับบริษัท Deroose Plant NV ประเทศเบลเยี่ยม มุ่งใช้พันธุ์ยางตามคำแนะนำของไทยเพื่อขยายพันธุ์ยางด้วยนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

ซึ่งต้นยางพาราจะมีโอกาสเติบโตได้ดี เปิดกรีดได้รวดเร็วและให้ผลผลิตเฉลี่ยสูงขึ้นมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อเกษตรกรชาวสวนยางที่จะปลูกยางพาราที่มีคุณภาพดีกว่าเดิม จะมีรายได้หรือผลตอบแทนต่อไร่จากการขายผลผลิตมากยิ่งขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยในอนาคต

ดร.กวีฉัฏฐ เผยว่า ความร่วมมือกับบริษัท Deroose Plants NV ประเทศเบลเยี่ยมในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชระดับโลก เป็นความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ ที่ กยท.มุ่งมั่นจะพัฒนางานวิจัยด้านต้นน้ำ โดยการศึกษาวิจัยกับพันธุ์ยางตามคำแนะนำของประเทศไทย โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นนวัตกรรมในการผลิตต้นยางที่มีคุณภาพสูง ต้นยางจะมีความแข็งแรง สามารถเจริญเติบโตได้เร็วจากปกติ ซึ่งเกษตรกรสามารถเปิดกรีดได้เร็วขึ้นจากเดิม 1-2 ปี ซึ่งเป็นนโยบายหลักของ กยท. ในการเพิ่มผลผลิตยางพาราต่อไร่ให้สูงขึ้น และยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมที่สามารถเสริมและเพิ่มรายได้โดยการสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพ และผลิตภาพของภาคการเกษตร

Advertisement

นายวีรวัฒน์ ยมจินดา กรรมการการยางแห่งประเทศไทยในฐานะผู้แทนด้านการค้า กล่าวว่า ความร่วมมือนี้ เป็นความร่วมมือที่จะเป็นการปฏิวัติวงการยางพาราไทย เพื่อให้เกษตรกรชาวสวนยางได้มีรายได้และผลตอบแทนที่สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในเร็ววัน เพราะวันนี้ ได้มีการลงนามความร่วมมือกับบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชเกษตรที่มีประสบการณ์มามากกว่า 40 ปี และมีการขยายสาขาเพื่อศึกษา วิจัยทั้งในทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย ดังนั้น การวิจัยและพัฒนา การผลิต และการใช้ประโยชน์ต้นยางพาราเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตยางพาราเฉลี่ยต่อไร่ให้สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น หวังว่าการวิจัยและพัฒนาในครั้งนี้ จะเป็นแนวทางในการผลิตต้นยางที่มีคุณภาพ และเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เป็นทางเลือกแก่เกษตรกรไทย

นายสำเริง แสงภู่วงค์ กรรมการการยางแห่งประเทศไทยในฐานะผู้แทนด้านอุตสาหกรรม กล่าวว่า งานวิจัยและการพัฒนาความร่วมมือในครั้งนี้ นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพันธุ์ยางไทยภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมการผลิตพืชให้สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตต้นยางพาราที่มีคุณภาพในระยะเวลาอันรวดเร็ว และจะส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยางพาราให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ตลอดจนเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในเชิงการค้าในอนาคต

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนของโลก ส่งผลกระทบต่อผลผลิตและการเติบโตของต้นยางพารา กยท. จึงได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนาต้นน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างโอกาส พร้อมทั้งเพิ่มทางเลือกในการพัฒนาคุณภาพต้นกล้ายางพาราให้มีประสิทธิภาพโดยความร่วมมือในงานวิจัยและพัฒนากับ บริษัท Deroose Plant NV ในการนำเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมาใช้กับพันธุ์ยางแนะนำของประเทศไทย 3 พันธุ์

Advertisement

ได้แก่ RRIM 600 PB 235 และ IRCA 825 และอีก 2 พันธุ์ ได้แก่ IRCA 331 และ IRCA 230 มาปลูกทดสอบในประเทศไทย เพื่อเป็นการประเมินศักยภาพของต้นยางที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ พร้อมทั้ง แลกเปลี่ยนการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการปรับสภาพพืชเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อก่อนนำไปปลูก ซึ่งเป็นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านเทคนิค ให้มีความรู้และความเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวสวนยาง และภาคเศรษฐกิจของไทยอย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image