ผู้เขียน | ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร |
---|
คิดเห็นแชร์ : 19 ปี OKMD กับภารกิจที่ภาคภูมิใจ
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) หรือ OKMD ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2547 อายุครบ 19 ปี ไปหมาดๆ แต่ยังไม่มีโอกาสจัดงานแถลงผลงานถึงภารกิจสำคัญและพันธกิจหลักในการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มและทุกช่วงวัยมีโอกาสพัฒนาความคิดและต่อยอดองค์ความรู้ รวมทั้งพัฒนาภูมิปัญญาด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Lifelong Learning) และประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อยกระดับศักยภาพทุนมนุษย์ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นผ่านระบบการเรียนรู้สาธารณะที่เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งนี้ การบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ของ OKMD ที่ภาคภูมิใจตลอด 19 ปี ประกอบด้วยบทบาท 3 ด้านหลัก คือ (1) สร้างสรรค์นวัตกรรมองค์ความรู้ (Knowledge Innovation) ทั้งที่เป็นเนื้อหาสาระและที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ เช่น ต้นแบบแหล่งเรียนรู้ 2 แห่งสำคัญของประเทศ TK Park และ Museum Siam (2) ถ่ายทอดองค์ความรู้ (Knowledge Diffusion) และ (3) การใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ (Knowledge Utilization)
อธิบายได้คร่าวๆ ดังนี้
1.OKMD ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมองค์ความรู้ (Knowledge Innovation) ที่เป็นเนื้อหาสาระเพื่อการพัฒนาคนให้มีทักษะหลากหลาย (Multi-skilled) รองรับการเข้าสู่ยุคสังคมดิจิทัล (Digital Society) โดยการยกระดับทุนมนุษย์รองรับความต้องการทักษะความรู้อันหลากหลาย ไม่จำกัดอยู่ตามเฉพาะสาขาวิชาชีพหรือภาคอุตสาหกรรมใดอีกต่อไปแต่ได้เน้น Soft Skills เนื่องจากประเทศไทยกำลังเผชิญกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ที่ก่อให้เกิดโอกาสและปัจจัยท้าทายทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ เช่น ความผันผวนทางเศรษฐกิจ การปรับตัวเพิ่มผลิตภาพการผลิต/บริการด้วยความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ บนพื้นฐานของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ดังนั้น เนื้อหาสาระเพื่อการพัฒนาคนให้มีทักษะหลากหลายจึงเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่ง โดยต้องมีการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้สาธารณะและองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่หลากหลายและสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงและการหลอมรวมของเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นเครื่องมือพัฒนาคุณภาพคน เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ รวมทั้งพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้สอดรับกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ในระยะยาว
2.OKMD ได้พัฒนารูปแบบใหม่ๆ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ (Knowledge Diffusion) โดยมุ่งเน้นการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ (Learning Society) ด้วยสื่อและแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา ด้วยการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัยและการบริหารจัดการความรู้ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจากกระแสโลกและเป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างยั่งยืน ยกตัวอย่างเช่น สหภาพยุโรปจะเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านทุนทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ สหรัฐอเมริกาเน้นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลท้องถิ่นกับภาคเอกชนในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้สมัยใหม่ ญี่ปุ่นเน้นการสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้วยการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่ประชาชนผ่านศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เกาหลีใต้เน้นการผสมผสานเศรษฐกิจฐานความรู้และคุณค่าของวัฒนธรรมตะวันออกเข้ากับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยทุ่มงบประมาณกว่าร้อยละ 2 ของ GDP เพื่อพัฒนาและส่งเสริมทุนทางวัฒนธรรมและสร้างแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย เช่น หอสมุดดิจิทัลแห่งชาติ (Library) ให้ประชาชนค้นหาข้อมูลความรู้จากห้องสมุดและหน่วยงานต่างๆ กว่า 1,000 แห่งทั่วโลก โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้และการเรียนรู้สาธารณะไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ในห้องเรียนอีกต่อไป ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้การแลกเปลี่ยนหรือแบ่งปันทรัพยากรต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงองค์ความรู้และภูมิปัญญาต่างๆ ผ่านสื่อและเทคนิคใหม่ๆ เช่น สื่อสังคม สื่อดิจิทัล รวมทั้งบอร์ดเกม อี-สปอร์ต สนามเด็กเล่น ฯลฯ ในอนาคตประเทศไทย คงจะต้องเร่งพัฒนาช่องทางการเรียนรู้ที่ทันสมัย โดยเฉพาะช่องทางดิจิทัล เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่จำเป็นและพัฒนาศักยภาพของคนไทยในวงกว้าง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ในระยะยาว
3.การใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ (Knowledge Utilization) ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงองค์ความรู้ (Knowledge Access) ที่ผ่านมา OKMD ได้ประเมินสถานะการจัดการความรู้และแหล่งเรียนรู้ที่เป็นอยู่ของไทย พบว่าหน่วยงานภาครัฐส่วนกลางที่ทำหน้าที่บริหารจัดการความรู้ที่มีอยู่ล้วนมีภารกิจที่มุ่งสนองตอบวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ฯลฯ ขณะเดียวกันก็มีแหล่งเรียนรู้หลากหลายรูปแบบอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ห้องสมุดประชาชน ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ สวนสัตว์ ฯลฯ กระจายอยู่ในทุกภูมิภาค ซึ่งมีรูปแบบการให้บริการและการบริหารจัดการแตกต่างกันไปตามต้นสังกัดและความพร้อมของพื้นที่ ทำให้การบริหารองค์ความรู้ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่ต่างคนต่างทำยังไม่สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้สะดวกทั่วถึงเท่าที่ควร จึงจำเป็นที่ต้องมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่พัฒนา เชื่อมโยงและบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้และองค์ความรู้เชิงบูรณาการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มีคุณภาพที่ได้มาตรฐานและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพคนไทย และสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตทุกช่วงวัย พร้อมทั้งสร้างช่องทางการเข้าถึงความรู้ที่จะช่วยให้ประชาชนทุกช่วงวัยทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงได้สะดวกรวดเร็วลดความเหลื่อมล้ำของกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้ ซึ่งเมื่อประเมินจากความพร้อม ประสบการณ์และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาแล้ว OKMD ได้ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานที่จะทำงานในเชิงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนงานดังกล่าว และขยายโอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้ให้กับกลุ่มคนทุกช่วงวัย รวมถึงผู้ด้อยโอกาสได้เป็นอย่างดีเยี่ยม และจะดียิ่งขึ้นไปอีก
ทั้งหมดนี้เป็นภารกิจโดยสังเขปที่น่าภาคภูมิใจของพวกเราชาว OKMD ครับ
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ สบร.