กรอ. ลุยจัดการซากรถยนต์เก่าลดพีเอ็ม 2.5 แย้มรถบรรทุก-ปิกอัพ ต้องตรวจสภาพ 2 ครั้ง/ปี
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า กรอ. กรมควบคุมมลพิษ และกรมการขนส่งทางบก ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองที่มาจากรถยนต์และการกำจัดซากรถยนต์สิ้นสภาพ เบื้องต้นจากสถิติการจดทะเบียนรถยนต์สะสมทั่วประเทศ พ.ศ.2565 มีจำนวนประมาณ 42-43 ล้านคัน โดยประเทศไทยมีการใช้งานรถยนต์เฉลี่ยเป็นระยะเวลายาวนานหลายปี มีสาเหตุหลักมาจากรถยนต์ราคาแพงจึงมักจะซ่อมแซมให้ใช้งานนานที่สุด อีกทั้งมีอู่ซ่อมรถพร้อมบริการเป็นจำนวนมาก ทำให้ยืดอายุการใช้งานได้นานยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานยาวนานและขาดการบำรุงรักษาตามมาตรฐานจะปล่อยมลพิษสูงกว่ารถยนต์ใหม่ ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนี่งของปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่ารถบรรทุก และรถปิกอัพ ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป เป็นกลุ่มที่ปล่อยฝุ่น PM 2.5 มากที่สุด
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองที่มาจากรถยนต์
1.แผนระยะสั้น (พ.ศ.2566-2570) สำหรับรถบรรทุกและรถปิคอัพ ควรให้มีการตรวจสภาพประจำปี เพิ่มเป็น 2 ครั้ง/ปี เหมือนรถโดยสารสาธารณะ พร้อมทั้งเข้มงวดการตรวจสภาพรถยนต์ขนาดเล็กประจำปี นอกจากนี้ จะเตรียมมาตรการเพิ่มเติมในช่วงเดือนธันวาคม-เดือนมีนาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตฝุ่น PM 2.5 อาทิ การตั้งด่านตรวจวัดควันดำ หรือการห้ามรถที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานเข้าพื้นที่ เป็นต้น
2.แผนระยะยาว (พ.ศ.2576-2580) ได้ให้ทบทวนแนวทางเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 20 ปี ขึ้นไป รวมถึงสนับสนุนแนวคิดการใช้กฎหมายใหม่เพื่อรองรับการจัดการซากรถยนต์ ด้วยนำหลักการขยายความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของผู้ผลิตให้ครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตของสินค้าและบรรจุภัณฑ์มาปรับใช้ ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วให้ถูกต้องตามหลักการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Extended Producer Responsibility: EPR)