เชื่อมั่นอุตฯดิ่งสุดรอบ 1 ปี หนี้ครัวเรือนพอก – ส่งออกร่วง วอนลดราคาพลังงาน ตรึงดอกเบี้ย

ความเชื่อมั่นอุตฯดิ่งสุดรอบ 1 ปี หนี้ครัวเรือนพอก – ส่งออกร่วง วอนลดราคาพลังงาน ตรึงดอกเบี้ย 2.25%

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 91.3 ปรับตัวลดลง จาก 92.3 ในเดือนกรกฎาคม 2566 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ต่ำสุดในรอบ 1 ปี มีผลมาจากปัจจัยลบ อาทิ ด้านการส่งออกที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก และกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอ รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า จากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง สภาพอากาศที่แปรปรวนจากผลกระทบปรากฎการณ์เอลนีโญ ที่อาจมีผลกระทบยาวไปถึงปี 2568 ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรและรายได้ของเกษตกรลดลง และความกังวลต่อการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลผสม อีกทั้งภาคอุตสาหกรรมยังมีความกังวลเรื่องราคาพลังงานอีกด้วย

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 99.5 ปรับตัวลดลง จาก 100.2 ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางและไม่แน่นอน กระทบต่อภาคส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2566 รวมถึงอุปสงค์ในประเทศที่ยังฟื้นตัวช้า นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังกังวลนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต อาทิ การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และนโยบายด้านพลังงาน

จากความกังวลดังกล่าว ส.อ.ท. จึงมี 4 ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ประกอบด้วย 1.เสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศทดแทนอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอตัว 2.เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำการปรับโครงสร้างหนี้ การลดค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมันและก๊ซ และการสนับสนุนสินค้าเอสเอ็มอี เป็นต้น

3.เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อยู่ที่ 2.25% ต่อปี รวมถึงกำกับดูแลส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ ให้ส่วนต่างลดลง เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ และ 4.เร่งรัดโดรงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แล้ว ให้ดำเนินการลงทุนตามที่ได้รับอนุมัติ และจัดกิจกรรมโรดโชว์เชิงรุก เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะธุรกิจที่ย้ายฐานการผลิตออกมาจากจีน

ADVERTISMENT