| ผู้เขียน | ปิยะวรรณ ผลเจริญ |
|---|
ประชาชนได้เฮ! หลังมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของ นายเศรษฐา ทวีสิน 13 กันยายน 2566 สั่งลดราคาพลังงาน ล็อกเป้าลดดีเซล 2 บาทต่อลิตร เหลือไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร มีผล 20 กันยายน-31 ธันวาคม 2566 ตรึงแอลพีจี 423 บาทต่อถังขนาด 15 กก.ออกไป ตั้งแต่ 1 ตุลาคม-31 ธันวาคม ส่วนเบนซินเตรียมลดราคา จะทำภายในปีนี้ หวังเป็นของขวัญปีใหม่ประชาชน
แนวทางการดูแลดีเซลใช้ทั้งภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแล แอลพีจีใช้กองทุนน้ำมันฯดูแล เบนซินเตรียมลดค่าการตลาดหรือกำไร
ถือเป็นกลยุทธ์การซื้อใจประชาชนระยะสั้น ลดค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวม แต่ระยะยาวอาจเผชิญปัจจัยเสี่ยง
ตรวจสอบข้อมูลจากกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน พบว่า รัฐบาลจะสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี 15,000 ล้านบาท จากที่ผ่านมาการลดภาษีดีเซลช่วงวิกฤตราคาน้ำมันสงครามรัสเซีย-ยูเครน ไทยสูญรายได้ถึง 1.58 แสนล้านบาท
ขณะที่กองทุนน้ำมันฯเคยขาดสภาพคล่องติดหนี้ทะลุ 1 แสนล้านบาท จากการตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตร การตรึงทั้งดีเซลและแอลพีจีต่อ 3 เดือนข้างหน้า กองทุนน้ำมันฯต้องแบกภาระต่อ และไม่สะท้อนต้นทุนจริงที่ราคาน้ำมันจะผันผวนในช่วงฤดูหนาว
ล่าสุดกองทุนน้ำมันฯอยู่ระหว่างกู้เงินเพิ่มอีก 5.5 หมื่นล้านบาท (ตามกรอบที่เหลืออยู่) เพื่อบริหารจัดการดีเซลและแอลพีจี ปัจจุบันฐานะ ณ วันที่ 17 กันยายน 2566 ติดลบ 61,641 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 16,902 ล้านบาท บัญชีแอลพีจี ติดลบ 44,739 ล้านบาท
การลดและตรึงราคาพลังงานโดยไม่กระตุ้นประชาชนลดใช้พลังงาน อาจยิ่งสร้างพฤติกรรมไม่ประหยัด เพราะคิดว่ารัฐบาลอุ้มราคาให้อยู่แล้ว และอาจทำให้ไทยพลาดเป้าลดโลกร้อน สร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.2050 ที่แผนพลังงานชาติของไทยมุ่งตามพันธสัญญาประชาคมโลก
สุดท้ายอาจติดกับดักทางนโยบายจนนำไปสู่ปัญหาระยะยาวไม่สามารถขึ้นราคาได้อีกแม้ต้นทุนจริงจะทะยานไปไกล เพราะจะเกิดแรงกระเพื่อมจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เกิดขึ้นแล้วเวลานี้คือการตรึงดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรนานกว่า 10 ปี ทั้งที่ต้นทุนต่างๆ เงินเฟ้อ ขยับไปไกลแล้ว
ล่าสุดรัฐบาลเตรียมอุ้มเบนซิน (ตามโครงสร้างถูกปล่อยเสรีตามกลไกตลาดโลก) โดยส่งสัญญาณให้ผู้ค้าลดค่าการตลาดหรือกำไรลงไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตร ล่าสุด บริษัท ปตท.นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ ออกมายืนยันแล้วว่าทุกวันนี้ได้แค่ 2 บาทต่อลิตร ผู้ค้ารายอื่นก็คัดค้านเช่นกัน
หากลดค่าการตลาดไม่ได้ กองทุนน้ำมันฯคือเครื่องมือสุดท้าย เมื่อต้องแบกทั้งดีเซล ทั้งเบนซิน ทั้งเอ็นจีวี คงพอกหนี้ติดทะลุแสนล้านบาทอีกเช่นเคย
