อีเอเฮ! ศาลสั่งทุเลาการบังคับประกาศกกพ. จี้ทบทวนเกณฑ์เลือกผู้เสนอขายไฟพลังงานหมุนเวียน ร้อง’เศรษฐา’รื้อทั้งระบบ
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ อีเอ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 ศาลปกครองเพชรบุรี ได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับประกาศสำนักงานคณะกรรมการกิจการพลังงาน (สำนักงานกกพ.) เรื่อง รายชื่อผู้ผ่านการพิจารณาอุทธรณ์ความพร้อมทางด้านเทคนิคขั้นต่ำ ตามเกณฑ์ผ่านหรือไม่ผ่าน สาเหตุที่ศาลมีคำสั่งให้ทุเลา เนื่องจากการดำเนินการตามประกาศ ของ กกพ. เรื่องประกาศเชิญชวนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ ฟีด อิน-ทารีฟ(เอฟไอที) ปี 2565–73 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง ที่นำมาใช้คัดเลือกผู้ผู้ขอยื่นผลิตไฟฟ้า เบื้องต้นมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย
โดยกรณีนี้ บริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย อีเอ ได้ยื่นฟ้องต่อกกพ. เนื่องจากบริษัท เทพสถิตฯ ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติในรอบแรกแล้ว แต่ขั้นตอนสองกลับไม่มีรายชื่อเป็นผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าและซื้อขายไฟฟ้า โดยกกพ.ให้เหตุผลว่าไม่ผ่านการพิจารณาความพร้อมทางด้านเทคนิคขั้นต่ำตามเกณฑ์ผ่านหรือไม่ผ่าน จึงได้ขออุทธรณ์ต่อศาลปกครอง ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
“เกณฑ์การคัดเลือกของกกพ. ที่บริษัท เทพสถิตฯ ไม่ผ่าน ไม่ได้มีการประกาศเกณฑ์การให้คะแนน และเกณฑ์ให้คะแนนเทคนิคขั้นต่ำผ่านหรือไม่ผ่าน หรือเกณฑ์คะแนนคุณภาพ การให้น้ำหนักคะแนนมาก-น้อย ที่ใช้ในการคัดเลือก อาจทำให้กระบวนการคัดเลือกผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าไม่มีความโปร่งใส และยุติธรรม จะเป็นเหตุให้ประเทศชาติเสียประโยชน์จากการรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวได้ และจะผูกพันไปตลอดอายุสัญญาขายไฟฟ้า โดยไม่อาจจะแก้ไขอย่างใดได้อีกตลอดระยะเวลา 25 ปี อันเป็นความเสียหายที่มิอาจเยียวยาแก้ไขได้ในภายหลัง ดังนั้นจากคำสั่งศาลปกครองครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า กกพ. ควรกลับมาทบทวนหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้เสนอขายไฟฟ้า ที่มีวิธีการ และเงื่อนไขการให้คะแนนที่ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นผู้ที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการลักษณะดังกล่าวในอนาคต”นายสมโภชน์กล่าว
ทั้งนี้เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาโครงการดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) กกพ. 3 การไฟฟ้า ทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) และเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะดำเนินการต่ออย่างไร หากปฏิบัติตามประกาศเชิญชวนต่อไปอาจมีปัญหาทางด้านความถูกต้องทางกฎหมาย โดยบริษัทเตรียมยื่นเอกสารต่อกพช. ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งระบบ
เพราะกกพ.ยังใช้เกณฑ์เดิมในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม ในรูปแบบเอฟไอที รอบขยาย การรับซื้อส่วนที่ 1 น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย และมติกพช. ยังกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมว่า ผู้ยื่นข้อเสนอในการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมต้องไม่เป็นผู้ร้องเรียน ผู้อุทธรณ์ ผู้ฟ้องร้อง ให้หน่วยงานภาครัฐ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ตามระเบียบ กกพ. และประกาศเชิญชวนรวมถึง กพช. กกพ. และกระทรวงพลังงาน ต้องรับผิดในทางวินัย ทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง จากการที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวถือเป็นการจำกัดสิทธิของบริษัทเอกชนที่ใช้สิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะฝั่งเอกชนถือเป็นผลกระทบหนักเช่นกัน
